ทำไม ก.ล.ต. สหรัฐฯ อาจต้องเสียใจที่คิดจะวางข้อกฎหมายกับตลาดสกุลเงินดิจิทัล

โลกคริปโตฯ ได้เฝ้ารอให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ พัฒนากรอบกฎระเบียบสำหรับการลงทุนสกุลเงินดิจิทัลมาอย่างยาวนาน เพราะเมื่อ ก.ล.ต. ได้กำหนดกฎเกณฑ์สำหรับการลงทุนและการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลเรียบร้อย ตลาดแห่งนี้ก็จะสามารถขยายตัว และก้าวไปสู่การยอมรับในระดับสากลได้

ผู้สนับสนุนคริปโตฯ ต่างชื่นชมยินดีเมื่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ประกาศแต่งตั้งแกรี เกนสเลอร์ (Gary Gensler) อดีตประธาน CFTC ขึ้นมาคำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้า SEC เกนสเลอร์เคยสอนหลักสูตร fintech ที่ MIT นอกจากนี้ เขายังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาแนวทางการกำกับดูแลของ CFTC ที่มีต่อบิทคอยน์ฟิวเจอร์ส ซึ่งต่อมาในช่วงปลายปี 2017 ก็ได้เปิดให้ลงทุนบนตลาด Chicago Mercantile Exchange 

หลังจากนั้น ก.ล.ต. ก็ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวของกับการจัดกฎระเบียบการลงทุนคริปโตฯ  มากขึ้นเรื่อยๆ จนล่าสุดหนึ่งในคณะกรรมาธิการได้กล่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าถึงเวลาที่ ก.ล.ต. ต้องเร่งกระบวนการสร้างกฎหมายกำกับดูแลสกุลเงินดิจิทัลให้ไวขึ้น

ภาพรวมตลาดสกุลเงินดิจิทัลในปัจจุบัน

นับตั้งแต่ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน สกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์และ อีเทอเรียมต่างก็วิ่งอยู่ในแนวโน้มขาลงมาโดยตลอด

อ้างอิง: Barchart

จากรูปกราฟด้านบนจะเห็นว่าบิทคอยน์ได้ปรับตัวลดลงจาก 68,906.48 ดอลลาร์ในวันที่ 10 พฤศจิกายนสู่จุดต่ำสุดที่ 25,919.52 ดอลลาร์ในวันที่ 12 พฤษภาคม คิดเป็นการปรับตัวลดลง 62.4% ในวันที่ 7 มิถุนายน ณ ระดับ 30,420 ดอลลาร์ บิทคอยน์ยังคงวิ่งอยู่ใกล้จุดต่ำสุดมากนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2021

อ้างอิง: Barchart

ในช่วงเวลาเดียวกัน ราคาสกุลเงินอีเทอเรียมก็ได้ปรับตัวลดลงมาจาก $4,865.426 เป็น $1,714256 ขาดทุนไป 64.8% ปัจจุบันอีเทอเรียมมีราคาซื้อขายอยู่ที่ 1,803.37 ดอลลาร์ ยังคงวิ่งอยู่ใกล้เคียงกับจุดต่ำสุดในเดือนพฤษภาคม

มูลค่าตามราคาตลาดโดยรวมของตลาดสกุลเงินดิจิทัลลดลงจากมากกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ลงมาเหลือเพียง 1.217 ล้านล้านดอลลาร์ (วัดเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน) ในช่วงเกือบเจ็ดเดือนที่ผ่านมา แนวโน้มขาลงทำให้ความสนใจในการลงทุนกับสกุลเงินดิจิทัลลดลง

ยิ่งมีมาร์เก็ตแคปสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งเสี่ยงที่จะโดนควบคุม

สมาชิกสภานิติบัญญัติและหน่วยงานกำกับดูแลเริ่มวิตกกังวลเมื่อมูลค่าตามราคาตลาดของโลกสกุลเงินดิจิทัลเพิ่มขึ้นเกินระดับ 3 ล้านล้านดอลลาร์ พวกเขาอ้างถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างเป็นระบบ ที่มีต่อระบบกลไกการเงินโลก การที่มูลค่าของตลาดสกุลเงินดิจิทัลลดลงได้เปิดโอกาสให้รัฐบาลได้แก้ไขปัญหาด้านกฎระเบียบที่ยังค้างคาอยู่

นอกเหนือจากความเสี่ยงเชิงระบบแล้ว กลุ่มสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัลมีความสามารถที่จะแข่งขันกับระบบสกุลเงินเฟียตได้อย่างน่าสนใจ เอลซัลวาดอร์และสาธารณรัฐกลางของแอฟริกาได้นำบิทคอยน์เป็นสกุลเงินประจำชาติของพวกเขาแล้ว ยิ่งมีประเทศที่ยอมรับบิทคอยน์เป็นสกุลเงินประจำชาติมากขึ้นเท่าไหร่ ก็เท่ากับว่าเป็นการเพิ่มการยอมรับคริปโตฯ ในทางปฏิบัติมากขึ้น ถือเป็นภัยคุกคามต่อสกุลเงินมหาอำนาจอย่างเช่นดอลลาร์สหรัฐ ยูโร ปอนด์ เยน และสกุลเงินเฟียตทั้งหมด

แต่เพราะอำนาจของรัฐบาลบางส่วนมีความเกี่ยวข้องกับการควบคุมปริมาณเงินในระบบอยู่บ้าง พวกเขาจึงอาศัยความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงเชิงระบบนี้เป็นข้ออ้างโดยชอบธรรมในการกำกับหรือควบคุมดูแล เมื่อมูลค่าของตลาดสกุลเงินดิจิทัลลดลง พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องโวยวาย แสดงเจตนาที่แท้จริงโดยไม่จำเป็น

“คริปโตมัม” ออกโรงเตือนผู้มีอำนาจให้ระวังผลที่จะตามมาในระยะยาว

ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ นางเฮสเตอร์ เพียร์ซ (Hester Peirce) หนึ่งกรรมาธิการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ได้แสดงความกังวลว่า  ก.ล.ต. อาจทำพลาดไปแล้วในการจัดระเบียบโลกคริปโตฯ

เธอแสดงความกังวลต่อ CNBC โดยกล่าวว่า:

“ต้องยอมรับว่าการฉ้อโกงมากมายในโลกคริปโตฯ นั้นเป็นเรื่องจริง เพราะในปัจจุบัน ตลาดนี้เป็นโลกเกิดใหม่ที่กำลังมาแรง แต่สิ่งที่ทำให้ฉันกังวลคือวิธีที่ผู้มีอำนาจจะใช้เพื่อจัดระเบียบ ถ้าหากเราไม่อนุญาตให้นวัตกรรมได้พัฒนา ทดลองอะไรใหม่ๆ และเติบโต นั่นอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของความล้มเหลว ซึ่งจะมีผลในระยะยาวอีกด้วย”

เธอพูดปิดท้ายว่า:

“เราสามารถติดตามผู้ร้ายเมื่อมีการฉ้อโกงเกิดขึ้นได้ และเราสามารถสวมบทบาทที่เป็นมิตรกับนวัตกรรมมากกว่าที่จะเป็นศัตรูได้ แต่เราต้องไปให้ถึงจุดนั้น ซึ่งหมายความว่าเราต้องเริ่มทำงานอย่างจริงจังกันแล้ว”

ก.ล.ต. ยังไม่เปิดโอกาสให้ลงทุนในคริปโตฯ ได้หลากหลาย

ในสหรัฐอเมริกา ผลิตภัณฑ์ ETF และ ETN เป็นตัวเลือกการลงทุนในตลาดสกุลเงินดิจิทัลเดียวที่ SEC อนุมัติ ซึ่งการลงทุนนี้อ้างอิงจากสกุลเงินดิจิทัลฟิวเจอร์ส ที่ซื้อขายใน Chicago Mercantile Exchange หรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล นอกจากพื้นที่ตรงนี้แล้ว ไม่มีผลิตภัณฑ์การลงทุนใดที่ได้รับอนุญาตให้ลงทุนกับการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้โดยตรง

SPDR® Gold Shares (NYSE:GLD) เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ ETF ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด GLD เริ่มเปิดให้ลงทุนในช่วงปลายปี 2004 และอ้างอิงตามราคาทองคำมาโดยตลอด GLD ถือทองคำแท่งจริงและเป็นแม่แบบให้กับการลงทุนในตลาดสกุลเงินดิจิทัลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งตอนนี้กำลังรอให้สำนักงาน ก.ล.ต. สร้างกรอบขึ้นมาเพื่อกำกับดูแล

การกำกับดูแลที่ช้าเกินไป อาจทำให้กรอบกฎหมายตามความโลภไม่ทัน (อีกครั้ง)

ความหวังเกี่ยวกับความคืบหน้าด้านกฎระเบียบกำกับสกุลเงินดิจิทัลภายใต้การทำงานของเกนสเลอร์ต้องหยุกชะงัก เมื่อแนวทางของหน่วยงานกำกับดูแลดูเหมือนจะมองคริปโตฯ เป็นศัตรูมากกว่าจะมองว่าเป็นโอกาส มุมมองของผู้มีอำนาจที่ไม่พร้อมยอมรับการเปลี่ยนแปลงอาจเป็นความผิดพลาดที่น่าสลดใจ อย่างไรก็ตาม ภาครัฐยังคงเดินหน้าพัฒนากรอบกฎหมายกำกับดูแลสกุลเงินดิจิทัลไปอย่างช้าๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่ตลาดคริปโตฯ กำลังอยู่ในช่วงซบเซา มูลค่าตลาดที่หายไปเกินครึ่งทำให้พวกเขารู้สึกว่ายังไม่จำเป็นต้องรีบดำเนินการมากนัก

หากรัฐให้ความสำคัญกับการควบคุมปริมาณเงินในระบบเป็นปัญหาหลัก มูลค่าตลาดของตลาดคริปโตฯ ที่ลดลงถือเป็นเหตุการณ์ที่น่ายินดี แต่ถ้าพวกเขาชะล่าใจเกินไปจนถึงวันที่บิทคอยน์ อีเทอเรียม และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ กลับมาเริ่มทำรอบขาขึ้นอีกครั้ง พวกเขาอาจจะรู้สึกเสียใจที่ตัดสินใจได้ล่าช้า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับนักลงทุนด้วยว่าพวกเขายังมีเงินพร้อมที่จะลงทุนอีกหรือไม่ ในวันที่วิกฤตเศรษฐกิจมีโอกาสรุนแรงมากที่สุดนับตั้งแต่มนุษยชาติถือกำเนิดมา