ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ตลาดลงทุนในปัจจุบันไม่เหมาะที่จะลงทุนกับสินทรัพย์เสี่ยงมากเท่าไหร่นัก การขึ้นอัตราดอกเบี้ย ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ราคาสินค้าและพลังงานที่สูงขึ้น ทำให้หันไปทางไหนก็แทบจะไม่มีตลาดใดสามารถลงทุนได้ การถือเงินเอาไว้ในบัญชีเฉยๆ อาจกลายเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ฉลาดที่สุดในปี 2022
เชื่อว่านักลงทุนทุกคนต้องเคยได้ยินคำว่าการกระจายความเสี่ยงมาจนชินแล้ว และในปัจจุบันที่ความผันผวนคือธีมหลักทำให้เหล่าบรรดานักลงทุนต้องยิ่งกระจายความเสี่ยงให้มากขึ้น สินทรัพย์ที่เคยเติบโตอย่างก้าวกระโดดแม้แต่สกุลเงินดิจิทัล ที่ว่ากันว่าจะเป็นสินทรัพย์คานเงินเฟ้อใหม่ตอนนี้กลับฟุบเงียบกองอยู่ที่จุดต่ำสุด บิทคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอีกตั้ง 19,670 สกุลเงินไม่มีเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นมา ทำให้กลายลงทุนในโลกคริปโตฯ ตอนนี้ไม่ใช่ภาพฝันอันหอมหวานอีกต่อไป
เป็นความจริงที่การลงทุนในตลาดคริปโตฯ นั้นต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจในหลายๆ ด้าน และความปลอดภัยก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ และมีความซับซ้อนสูง เข้าถึงบุคคลทั่วไปได้ยาก ดังนั้นจึงมีตัวช่วยสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล แต่ไม่ต้องการถือครองมันโดยตรงหลายประเภทเกิดขึ้น ทั้งการลงทุนผ่านตลาดฟิวเจอร์ส การลงทุนผ่านหุ้นของบริษัทแพลตฟอร์มที่เกี่ยวกับคริปโตฯ CFD และอีกหนึ่งหนทางยอดนิยมอย่าง ETF
ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกันกองทัน ETF ที่มีชื่อว่า Bitwise Crypto Industry Innovators (NYSE:BITQ)) เป็นกองทุนที่ถือครองหุ้นของบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับคริปโตฯ และมองไปยังอนาคตระยะยาวมากกว่าการถือครองเพื่อทำกำไรในระยะสั้น
สถานการณ์ปัจจุบันของตลาดคริปโตฯ
ในวันที่ 10 พฤศจิกายนปี 2021 เป็นวันที่สกุลเงินดิจิทัลอันดับหนึ่งและสองของวงการอย่างบิทคอยน์และอีเทอเรียมขึ้นสร้างจุดสูงสุดตลอดกาล และในวันเดียวกันนั้นเอง ก็เป็นจุดเริ่มต้น ของขาลงที่ยาวนานที่สุด 54% จากจุดสูงสุดนั้น ลงมาถึงจุดต่ำสุดในเดือนที่แล้ว
อ้างอิง: Barchart
กราฟรูปนี้แสดงการสร้างจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่ลดตัวลดต่ำลงเรื่อยๆ ในวันที่ 31 พฤษภาคม ราคาที่วิ่งอยู่นั้นไม่ได้ห่างจากจุดต่ำสุดในวันที่ 12 พฤษภาคมมากเท่าไหร่
อ้างอิง: Barchart
สถานการณ์ของอีเทอเรียมนั้นไม่ต่างกัน แต่ถ้าพิจารณาเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วจะพบว่าอีเธอเรียมได้ปรับตัวลดลงต่ำกว่าบิทคอยน์ แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ที่ทุกคนกำลังสิ้นหวัง นักลงทุนบางกลุ่มมองว่านี่คือช่วงเวลาที่ควรเข้าไปลงทุนกับสินทรัพย์ดิจิทัล
อ้างอิง: Barchart
นี่คือกราฟบิทคอยน์ระยะยาวที่แสดงถึงช่วงเวลาที่เคยรุ่งเรือง และช่วงเวลาที่โรยราของบิทคอยน์
อ้างอิง: Barchart
ภาพของอีเทอเรียมนั้นไม่ต่างจากบิทคอยน์เลย แต่หากพิจารณาทางเทคนิค จะเห็นว่าบิทคอยน์ปรับตัวลดลงมาตามรูปแบบ double-top ในขณะที่อีเทอเรียมนั้นเป็นรูปแบบหัวไหล่ (Head & Shoulder)
การเข้าถึงโลกคริปโตฯ “อย่างง่าย” ยังคงเป็นอุปสรรค
สิ่งที่เป็นอุปสรรคประการหนึ่งสำหรับนักลงทุนสกุลเงินดิจิทัลคือหน้าใหม่ความสะดวกสบายในการจัดเก็บสกุลเงินดิจิทัล โดยปกติแล้วกระเป๋าเงินดิจิทัลจะอนุญาตให้เจ้าของสามารถเข้าถึงเหรียญในกระเป๋าโดยมีรหัสผ่าน อย่างไรก็ตาม ข้อเสียที่เป็นเรื่องระดับชาติสำหรับผู้ถือครองคือความสามารถในการเก็บรักษาคีย์รหัสผ่าน เพราะถ้าสูญหายหรือตกไปอยู่ในมือมิจฉาชีพขึ้นมา อาจทำให้เกิดการสูญเสียนับล้าน
Block (NYSE:SQ) เดิมชื่อ Square กำลังทำโปรเจ็คเกี่ยวกับการพัฒนากระเป๋าเงินเข้ารหัส ที่พวกเขาขนานนามว่า "ร็อค" ว่ากันว่ากระเป๋าเงินของ Square จะทำให้นักลงทุนในอนาคตรู้สึกสบายใจกับขั้นตอนการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลมากขึ้น
ในปัจจุบัน นักลงทุนจำนวนมากเลือกที่จะเก็บโทเค็นไว้บนแพลตฟอร์มตัวกลางแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Coinbase (NASDAQ:COIN) แต่ข้อเสียของการเก็บสกุลเงินดิจิทัลไว้กับแพลตฟอร์มเหล่านี้คือถ้าถูกแฮ็คหรือเจาะระบบได้ ก็มีโอกาสที่เงินในบัญชีของเราจะสูญหาย สรุปสั้นๆ ก็คือการดูแลและความปลอดภัยยังคงเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของตลาดสกุลเงินดิจิทัล
BITQ คือความสมดุลระหว่างคนยุคใหม่และคนยุคก่อน
ต้องยอมรับว่าถึงแม้ว่าโลกในอนาคตจะเป็นของคนรุ่นใหม่แน่นอน แต่เราก็ยังคงอยู่กับปัจจุบัน กับปี 2022 ที่ยังมีทั้งคนรุ่นใหม่และคนรุ่นก่อนอาศัยอยู่ร่วมกัน สำหรับนักลงทุนหลายๆ คน พวกเขาไม่สามารถ หรือไม่มีเวลาทำความเข้าใจกับรายละเอียดในตลาดสกุลเงินดิจิทัลอย่างลึกซึ้ง แต่พวกเขาก็ยอมรับมันในฐานะสินทรัพย์ประเภทหนึ่ง ดังนั้น กลุ่มคนเหล่านี้จึงต้องการ “พื้นที่ลงทุนตรงกลาง” ในการลงทุนกับสกุลเงินดิจิทัล แต่ไม่ต้องการรู้ในเชิงลึกว่าเหรียญตัวไหน ทำอะไรได้บ้าง การลงทุนใน ETF และ ETN ที่มีความเกี่ยวข้องกับสกุลเงิจดิจิทัลคือทางออกนั้น
ยกตัวอย่างเช่นในอดีต การลงทุนในสินทรัพย์สำรองอย่างทองคำถูกบังคับให้เลือกระหว่างลงทุนด้วยการซื้อทองคำมาเก็บไว้จริงๆ ลงทุนในตลาดฟิวเจอร์ส หรือลงทุนในหุ้นของบริษัทขุดเหมืองเท่านั้น แต่ด้วย ETF VanEck Gold Miners ETF (NYSE:GDX) ทำให้นักลงทุนสามารถลงทุนในทองคำได้ โดยไม่ต้องจับต้องหรือเป็นเจ้าของทองคำแท่งจริงๆ GDX เป็นผู้ถือครองทองคำและมีราคาขึ้นลงตามตลาดทองคำไม่ต่างกัน
เช่นเดียวกันกับกองทุน ETF Bitwise Crypto Industry Innovators (NYSE:BITQ) พวกเขาถือครองหุ้นของบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล ยกตัวอย่างเช่นบริษัท MicroStrategy (NASDAQ:MSTR) Galaxy Digital Holdings (TSX:GLXY), Coinbase, Silvergate Capital (NYSE:SI) และ Canaan (NASDAQ:CAN) นอกจากนี้ยังมีบริษัทอื่นๆ ที่ BITQ ถือครองหุ้นอีก ซึ่งมีรายชื่อดังต่อไปนี้
อ้างอิง: Barchart
ณ วันที่ 31 พฤษภาคมราคาซื้อขาย BITQ มีตัวเลขอยู่ที่ $8.88 ปัจจุบันมีสินทรัพย์อยู่ภายใต้การจัดการทั้งหมด $60,663 ล้านเหรียญสหรัฐ ค่าเฉลี่ยของการซื้อขายหุ้นต่อวันอยู่ที่ 145,414 หุ้น มีค่าธรรมเนียมในการดำเนินการอยู่ที่ 0.85% อัตราการปันผลครั้งล่าสุดอยู่ที่ $0.65 หรือคิดเป็น 7.32%
เมื่อเป็นกองทุนที่อ้างอิงราคากับบิทคอยน์โดยตรง แน่นอนว่าสถานการณ์ในตอนนี้ก็เป็นขาลงไม่ต่างกัน BITQ เปิดให้เริ่มต้นลงทุนเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2021 เปิดด้วยราคาซื้อขายที่ $24.69
อ้างอิง: Barchart
จากราคาซื้อในวันนั้น ตอนนี้ ในวันที่ 31 พฤษภาคม BITQ ได้ปรับตัวลดลงตามบิทคอยน์ลงมาแล้ว 64% มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $8.88 เทียบกับบิทคอยน์ในช่วงเวลาเดียวกันซึ่งปรับตัวลดลงมา 44.5% BITQ ปรับตัวลดลงมากกว่าบิทคอยน์เนื่องจากความสนใจในการเก็งกำไรลดลง แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่บิทคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ เริ่มปรับตัวขึ้น BITQ ก็จะปรับตัวขึ้นตาม
สรุปก็คือ BITQ เป็นตัวเลือกสำหรับนักลงทุนที่มองหาส่วนต่างของการลงทุนในสินทรัพย์สกุลเงินดิจิตอล BITQ มีการกระจายพอร์ตการลงทุนไปยังบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับคริปโตฯ ที่หลากหลาย และมีชื่ออยู่บนกระดานหุ้นชื่อดังด้วย ดังนั้นจึงวางใจเรื่องความปลอดภัยในการลงทุนกับ BITQ ได้