เป็นเวลานานถึง 12 เดือนแล้วที่ผู้ถือหุ้นเน็ตฟลิกซ์ (NASDAQ:NFLX) บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการภาพยนตร์สตรีมมิ่งต้องทนดูมูลค่าหุ้นที่พวกเขาถือหายไปประมาณ 63.9% ทำราคาปิดต่ำกว่าจุดเปิดในช่วงต้นปี 2022 เกือบ 71% ซึ่งกองทุน ETF ชื่อดังอย่าง Vanguard Communication Services Index Fund ETF Shares (NYSE:VOX) ที่ถือครองหุ้นของเน็ตฟลิกซ์ก็ได้ปรับตัวลดลงมาแล้วตลอดทั้งปีนี้ 26%
ช่างเป็นภาพที่น่าเหลือเชื่อ เพราะถ้ามองย้อนกลับไปในวันที่ 17 พฤศจิกายน ตอนนั้นหุ้นเน็ตฟลิกซ์ยังสามารถทะยานขึ้นยืนเหนือ $700 สร้างจุดสูงสุดใหม่ได้อยู่เลย แต่พอมาถึงตอนนี้ ในวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา เรากลับได้เห็นหุ้นเน็ตฟลิกซ์ ณ จุดต่ำสุดในรอบหลายปีที่ $172.30 จากจุดสูงสุดในวันนั้น ถึงจุดต่ำสุดในวันนี้ คิดเป็นขาลงทั้งหมด 75% โดยประมาณ
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากการวัดเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงข้อมูลโดยเฉลี่ยต่อปี (CARG) ของหุ้นเน็ตฟลิกซ์แล้วกลับพบว่ามีโอกาสที่หุ้นตัวนี้จะเติบโตมากกว่า 21% ภายในช่วงเวลาระหว่างปี 2022 ถึงปี 2030 ปัจจุบันเน็ตฟลิกซ์ยังคงกินส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทผู้ให้บริการภาพยนตร์สตรีมมิ่งอยู่ประมาณ 20%
แม้จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมภาพยนตร์สตรีมมิ่ง แต่การเติบโตในแง่รายได้ของเน็ตฟลิกซ์ก็ถือว่าชะลอตัวลดลง เมื่อการล็อกดาวน์ไม่มีใครพูดถึงอีกต่อไป เป็นผลให้บริษัทเน็ตฟลิกซ์ต้องสูญเสียยอดผู้สมัคราเป็นสมาชิกครั้งแรกในรอบทศวรรษ ฝ่ายบริหารได้ให้เหตุผลถึงขาลงครั้งนี้ว่าเป็นเพราะการแข่งขันทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้น การใช้รหัสผ่านร่วมกัน และการระงับให้บริการในรัสเซีย
ในรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2022 ของบริษัทเน็ตฟลิกซ์ในวันที่ 19 เมษายน พบว่าบริษัทมีตัวเลขรายรับอยู่ที่ $7,870 ล้านดอลลาร์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่บริษัทกลับเสียสมาชิกผู้ใช้งานไป 200,000 คนภายในช่วงเวลาดังกล่าว นี่คือตัวเลขคาดการณ์ที่ต่ำกว่าของบริษัท ซึ่งก่อนหน้านี้ที่เพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 2.5 ล้านราย เน็ตฟลิกซ์มีผู้ติดตามทั่วโลกกว่า 221.6 ล้านราย เพิ่มขึ้น 6.7% จากไตรมาสที่ 1 ปี 2021 ในขณะเดียวกัน ตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS) ได้ปรับลดลดลงเหลือ 3.53 ดอลลาร์จาก 3.75 ดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ในจดหมายที่ส่งให้กับผู้ถือหุ้น บริษัทเน็ตฟลิกซ์เขียนเอาไว้ว่า
“เพื่อเร่งอัตราการเติบโตในแง่ของกำไรบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงคุณภาพการบริการ หรือการทำระบบการแชร์รหัสให้มีความเข้มงวดมากขึ้น บริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องตัดงบการทำภาพยนตร์ หรือซีรีส์บางประเภทลง 20%”
ในไตรมาสที่ 2 ที่กำลังจะมาถึง เน็ตฟลิกซ์คาดว่าจะเสียสมาชิกไปอีก 2 ล้านราย ส่วนตัวเลขรายได้นั้นคาดว่าจะสามารถทำได้ $8,050 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลข EPS อยู่ที่ $3 ในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่ หุ้นเน็ตฟลิกซ์มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $174.80 และมีมูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ $7,790 ล้านเหรียญสหรัฐ
นักวิเคราะห์มีความเห็นต่อหุ้นเน็ตฟลิกซ์อย่างไร?
โพลผลสำรวจจากนักวิเคราะห์ 44 คนของ Investing.com มองว่าหุ้นเน็ตฟลิกซ์ยังอยู่ในระดับ “กลาง” มีค่าเฉลี่ยของราคาเป้าหมายหุ้นภายในระยะเวลา 12 เดือนอยู่ที่ $335.36 นักวิเคราะห์ยังบอกอีกด้วยว่าหุ้นเน็ตฟลิกซ์มีโอกาสปรับตัวขึ้นอีก 91% จากระดับราคาในปัจจุบัน ระดับราคาเป้าหมายของหุ้นเน็ตฟลิกซ์ในตอนนี้นั้นอยู่ที่ $217 และ $735
อ้างอิง: Investing.com
เมื่อพิจารณาจากโมเดลคำนวณโดย InvestingPro ซึ่งอ้างอิงมาจากการคำนวณด้วยค่า P/E และ P/S พบว่ามูลค่าเฉลี่ยที่หุ้นตัวนี้ควรจะเป็นนั้นอยู่ที่ $286.63 หรือพูดง่ายๆ ก็คือมีโอกาสที่หุ้นเน็ตฟลิกซ์จะปรับตัวขึ้นมากกว่า 63%
อ้างอิง: InvestingPro
ณ ตอนนี้ค่า P/E P/B และ P/S ของหุ้นเน็ตฟลิกซ์มีตัวเลขอยู่ที่ 15.8x 4.5x และ 2.6x ตามลำดับ เทียบกับดัชนีที่ใช้วัดมูลค่าของหุ้นในกลุ่มผู้ให้บริการด้านการสื่อสารซึ่งอยู่ที่ 6.0x 1.8x และ 1.9x ตามลำดับ ซึ่งตัวเลขเหล่านี้บอกกับนักลงทุนว่าหุ้นเน็ตฟลิกซ์ยังไม่ถึงโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้มากขนาดนั้น ดังนั้นเราจึงคาดการณ์ว่าหุ้นเน็ตฟลิกซ์จะวิ่งอยู่ในกรอบราคากว้างๆ ระหว่าง $160 - $200 ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นต่อไป
ลงทุนกับหุ้นเน็ตฟลิกซ์ด้วยวิธีการใดได้บ้าง?
วิธีการแรกคือการลงทุนซื้อหุ้นเน็ตฟลิกซ์ไปตรงๆ สำหรับคนที่กังวลเรื่องความผันผวนในระยะสั้น อาจพิจารณาเข้าซื้อตั้งแต่ตอนนี้เลยก็ได้ โดยตั้งราคาเป้าหมายของหุ้นเอาไว้ที่ $286.83 ตามที่โมเดลคำนวณ InvestingPro แนะนำ
วิธีการที่สองคือการลงทุนผ่านกองทุนรวมหุ้น ETF ที่ถือครองหุ้นเน็ตฟลิกซ์ กองทุนชื่อดังที่ถือหุ้นเน็ตฟลิกซ์เอาไว้ในตอนนี้ได้แก่
- Vanguard Communication Services Index Fund ETF Shares (NYSE:VOX)
- Invesco Dynamic Media ETF (NYSE:PBS)
- First Trust S-Network Streaming & Gaming ETF (NYSE:BNGE)
- Communication Services Select Sector SPDR® Fund (NYSE:XLC)
- Invesco NASDAQ Internet ETF (NASDAQ:PNQI)
แต่ถ้าวิธีการที่สองยังไม่ถูกใจนักลงทุน และต้องการถือครองหุ้นตัวนี้ในระยะยาว แต่ก็กลัวการปรับตัวลดลงต่อในอนาคตอันใกล้ เราขอแนะนำให้ลองลงทุนในตลาดออปชั่น ด้วยวิธี “covered call” หรือการลงทุนในหลักทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงระยะยาว (LEAPS) ที่ซึ่งความเสี่ยงและความสามารถในการทำกำไรถูกจำกัดเอาไว้
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในรูปแบบนี้ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน และคำอธิบายในบทความนี้เป็นเพียงการยกตัวอย่างในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น นักลงทุนที่จะใช้วิธีที่สามจำเป็นจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงให้ได้ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน
ตัวอย่างการลงทุนในหุ้นเน็ตฟลิกซ์ในตลาดออปชัน
ระดับราคาหุ้นอ้างอิง : $174.80
อันดับแรกคือนักลงทุนต้องซื้อสัญญาคอลออปชันในระยะยาว ณ ราคา strike price ซึ่งอยู่ต่ำลงมา และในเวลาเดียวกัน ก็ต้องซื้อสัญญาคอลออปชันในระยะสั้น ณ ราคา strike price ที่สูงขึ้น สร้างช่องว่างส่วนต่างระหว่างราคาขึ้นมา
นักลงทุนส่วนใหญ่ที่ใช้กลยุทธ์ดังกล่าวมักละเลยเรื่องความปลอดภัยพื้นฐาน แทนที่จะซื้อหุ้น 100 ตัวของ NFLX เทรดเดอร์ควรจะซื้อคอลออปชันแบบ LEAPS ด้วยเงินจำนวนมาก โดยให้ LEAPS นั้นทำหน้าที่เป็น "ตัวแทน" สำหรับการเป็นเจ้าของหุ้น
สำหรับไม้ที่หนึ่งของกลยุทธ์นี้ นักลงทุนอาจใช้คอลออปชัน LEAPS แบบ (ITM) คือรอให้ราคาหุ้นในตลาดต่ำกว่าราคา strike price เช่นซื้อหุ้น NFLX ในวันที่ 19 มกราคม 2024 ด้วยคอลออปชัน 140 หุ้น ราคาออปชันนี้ในปัจจุบันมีราคาอยู่ที่ $68.80 นักลงทุนจะต้องเสียค่าใช้จ่าย 6,880 ดอลลาร์เพื่อเป็นเจ้าของคอลออปชันนี้ ซึ่งจะหมดอายุในเดือนมกราคม 2024 แทนที่จะเป็น 17,480 ดอลลาร์เพื่อซื้อ 100 หุ้นทันที
หากหุ้น NFLX ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์เป็น 175.80 ดอลลาร์ ราคาออปชั่นปัจจุบันที่ 68.80 ดอลลาร์น่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 80 เซ็นต์ โดยอิงจากค่าเดลต้า 80 อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงในความเป็นจริงอาจมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ หลายประการ ซึ่งอยู่เกินขอบเขตของบทความนี้
สำหรับไม้ที่สองของกลยุทธ์นี้นักลงทุนอาจใช้คอลออปชันในระยะสั้นแบบ (OTM) หรือก็คือสถานภาพที่ผู้ถือออปชั่นจะไม่ใช้สิทธิอย่างแน่นอน เพราะถ้าใช้สิทธิไปก็มีแต่จะขาดทุน ยกตัวอย่างเช่น คอลออปชัน 180 ครั้งของหุ้น NFLX ในวันที่ 17 มิถุนายน มีค่าพรีเมียมปัจจุบันของออปชันนี้คือ $11.60 ผู้ขายออปชั่นจะได้รับ $1,160 ไม่รวมค่าคอมมิชชั่นการซื้อขาย
แต่เพราะว่าการลงทุนด้วยกลยุทธ์นี้จะมีวันหยดอายุของสัญญาเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ยากต่อการกำหนดสูตรที่แน่นอนสำหรับจุดคุ้มทุน โบรกเกอร์ที่ดีอาจมีเครื่องมือเช่น "เครื่องคำนวณกำไรขาดทุน" สำหรับการตั้งค่าดังกล่าว
วิธีการทำกำไรให้ได้สูงสุด
ศักยภาพของวิธีการนี้จะแสดงออกได้สูงสุดหากราคาหุ้นเท่ากับราคา strile price ของคอลชอร์ตออปชัน ในวันที่สัญญาหมดอายุ ดังนั้นนักลงทุนต้องการให้ราคาหุ้น NFLX มีความใกล้เคียงกับ strike price ของชอร์ตออปชัน (เช่น 180 ดอลลาร์) ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในวันที่สัญญาหมดอายุ ณ วันที่ 17 มิถุนายนโดยไม่ให้ราคาปรับตัวขึ้นไปมากกว่านี้
จากตัวอย่างนี้ ผลตอบแทนสูงสุดในทางทฤษฎีจะอยู่ที่ประมาณ 1,470 ดอลลาร์ ในราคา 180 ดอลลาร์ ณ วันหมดอายุของสัญญา ไม่รวมค่าคอมมิชชั่นและต้นทุนการซื้อขาย (ค่านี้เกิดขึ้นโดยใช้เครื่องคำนวณกำไรขาดทุน) เป็นที่เข้าใจได้ว่าถ้า strike price ของ long option ต่างกัน ค่าเดลต้าของออปชั่นก็ต่างกันด้วย จากนั้น เราจะต้องใช้ค่าเดลต้านั้นเพื่อให้ได้ตัวเลขกำไรหรือขาดทุนที่แท้จริง
สมมุติว่าเราไม่ลงทุน 17,480 ดอลลาร์ในหุ้นเน็ตฟลิกซ์ 100 หุ้นตั้งแต่แรก ผลตอบแทนที่เป็นไปได้ของนักลงทุนจะมีมากขึ้น ตามหลักการแล้วนักลงทุนหวังว่าการชอร์ตคอลหุ้น NFLX จะทำให้เกิดสถานภาพที่ผู้ถือออปชั่นจะไม่ใช้สิทธิอย่างแน่นอน เพราะถ้าใช้สิทธิไปก็มีแต่จะขาดทุน จากนั้น นักลงทุนก็จะสามารถขายคอลออปชันแต่ละอันทิ้งได้ จนกว่าสัญญา LEAPS ของหุ้น NFLX จะหมดอายุในอีกเกือบสองปี