เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ดัชนี เอสแอนด์พี 500 สามารถดีดตัวขึ้นมา 0.25% จบช่วงเวลาขาลงสามวันติดต่อกัน ที่กดราคาดัชนีให้ลงมาต่ำกว่าระดับ 4000 จุดได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2021 ได้สำเร็จ เดือนเมษา่ยนที่ผ่านมา ถือเป็นเดือนที่แย่ที่สุดของเอสแอนด์พี 500 นับตั้งแต่ปี 1970 เฉพาะเดือนที่แล้วเดือนเดียว ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวลดลง 8.8%
สาเหตุที่เอสแอนด์พี 500 ปรับตัวลดลงมานั้นเป็นเพราะภาพรวมตลาดลงทุนในอนาคต ในมุมมองของบริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่ดูไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่ ในรายงานผลประกอบการครั้งล่าสุด บริษัทเจ้าพ่อด้านเทคโนโลยีชื่อดัง ที่เรารู้จักกันดีหลายแห่ง มองภาพไปยังอนาคตคล้ายๆ กันว่าไม่สดใส ตราบใดที่ยังได้รับแรงกดดันจากปัญหาเงินเฟ้อ
คำถามสำคัญที่นักลงทุนอยากรู้ในตอนนี้ก็คือ หลังจากที่เอสแอนด์พี 500 ปรับตัวลดลงมา 16% ตั้งแต่ต้นปี 2022 จนถึงปัจจุบัน เอสแอนด์พี 500 ได้ลงมาถึงจุดต่ำสุดแล้วหรือไม่? ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยที่เราไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้น
จากรูปกราฟรายวัน จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมราคาเมื่อวันจันทร์ ที่ทำราคาปิดต่ำกว่าเส้นเทรนด์ไลน์ ซึ่งเชื่อมระหว่างจุดต่ำสุดสองจุด ได้สร้างจุดสิ้นสุดของไหล่ขวา ตามรูปแบบหัวไหล่ (Head & Shoulder) แล้ว และเมื่อวานนี้นักลงทุนที่รอช้อนซื้อ ณ บริเวณดังกล่าวก็ได้พยายามที่จะชิงความได้เปรียบ ดันราคากลับขึ้นไปจากการลงมาชนกับแนวรับสำคัญ
ก่อนหน้าที่จะมาถึงขาลงครั้งล่าสุด นักลงทุนทั้งสองฝั่งได้มีการพักหายใจกันชั่วคราว ก่อให้เกิดการฟอร์มตัวที่เหมือนจะเป็นรูปธงเล็กๆ เกิดขึ้น แต่เมื่อราคาสามารถทะลุกรอบสามเหลี่ยมนี้ลงมา ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่านักลงทุนฝั่งขาลง สามารถชิงความได้เปรียบ และกดเอสแอนด์พี 500 ลงไปได้มากกว่า ความแข็งแกร่งของขาลงครั้งนี้สังเกตได้จากรูปแบบ Breakaway Gap ซึ่งหมายความว่ามีแต่แรงลง ไม่มีสวนขึ้น คือความแข็งแกร่งของตลาดหมีเพียงอย่างเดียว
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนฝั่งขาขึ้นที่รู้ตัวแล้วก็ได้มาดักเข้าซื้อ ณ บริเวณเส้นเทรนด์ไลน์ ที่เป็นของกรอบราคาขาลงด้านล่าง แต่เพราะเทรนด์หลักยังคงเป็นแนวโน้มขาลง ดังนั้นถ้าไม่โชคดีวิ่งกลับขึ้นไปถึงกรอบราคาขาลงด้านบนได้ อย่างมากที่สุดขาขึ้นรอบนี้ก็ไม่สามารถขึ้นไปได้ไกลกว่ากรอบสามเหลี่ยมเดิม
กลับมาที่รูปแบบหัวไหล่ที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ เราจะสามารถวัดความเป็นไปได้ที่ราคาในตอนนี้จะลงไป ด้วยการวัดจากจุดสูงสุดของส่วนหัว เทียบกับจุดสูงสุดของบริเวณไหล่ซ้าย ถ้าเอากรอบราคานี้มาเทียบกับปัจจุบัน มีโอกาสได้เห็นเอสแอนด์พี 500 ที่ 3500 จุดโดยประมาณ และเมื่อไปพิจารณาที่เส้นค่าเฉลี่ย จะพบว่าเส้น 50 วันได้ตัดผ่านเส้น 200 วันในเดือนมีนาคมลงมาแล้ว เดือนต่อมา เส้น 100 วันก็ได้ตัดเส้น 200 วันลงมาด้วย ยิ่งเป็นการยืนยันสัญญาณขาลงในระยะยาว
ทีนี้ลองมองภาพรวมให้ชัดขึ้นด้วยการมองกรอบเวลาที่ใหญ่ขึ้น
จากกราฟเอสแอนด์พี 500 รายสัปดาห์ จะเห็นว่าตัวดัชนีได้ตัดเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ลงมาแล้วหลังจากหลุดเส้น 100 สัปดาห์ลงมา เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นในอินดิเคเตอร์ MACD ได้ขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว และร่วงลงมา ยิ่งเป้นการตอกย้ำสัญญาณขาลง อินดิเคเตอร์อีกตัวอย่าง ROC หรือที่ใช้วัดอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคา ก็ได้ยืนยันด้วยการลงมาวิ่งต่ำกว่าระดับ 0 แล้ว
อินดิเคเตอร์ตัวสุดท้ายที่มาช่วยยืนยันขาลงครั้งใหญ่ระลอกนี้คือ RSI ซึ่งล่าสุดจากรูปจะเห็นว่าได้หลุดแนวรับของเส้นเทรนด์ไลน์ลงมาแล้ว ตอนนี้ต่อให้ RSI จะลงไปถึง oversold ได้ สิ่งที่ขาขึ้นจะทำได้อย่างมากที่สุดคือสร้างจุดต่ำสุด และพยายามปรับฐานประคองเหนือจุดต่ำสุดนั้นไม่ให้ลงต่อให้ได้ นี่คือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ในวันที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องตลอดทั้งปี
กลยุทธ์การเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอจนกว่าราคาจะกลับขึ้นไปทดสอบกรอบราคาด้านบน หรือกรอบสามเหลี่ยมในกราฟรายวัน ก่อนจะวางคำสั่งขาย
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง จะวางคำสั่งขายเมื่อราคาย่อกลับขึ้นไปถึงกรอบสามเหลี่ยม
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จะสวนเทรนด์ด้วยการเข้าซื้อ เก็บกินการดีดตัวกลับขึ้นไปในระยะสั้นๆ โดยจะตั้งราคาเป้าหมายเอาไว้ที่กรอบสามเหลี่ยมเท่านั้น จากนั้นก็จะวางคำสั่งขายตามเทรนด์ใหญ่ต่อไป
ตัวอย่างการเทรด (ขาขึ้น)
- จุดเข้า: 4000
- Stop-Loss: 3950
- ความเสี่ยง: 50 จุด
- เป้าหมายในการทำกำไร:4150
- ผลตอบแทน: 150 จุด
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:3
ตัวอย่างการเทรด (ขาลง)
- จุดเข้า: 4200
- Stop-Loss: 4300
- ความเสี่ยง: 100 จุด
- เป้าหมายในการทำกำไร:3900
- ผลตอบแทน: 300 จุด
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:3