สรุป เมื่อวานนี้ราคาทองคําได้ปิดปรับตัวลดลงมาเล็กน้อย 4.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังเผชิญแรงกดดันจากแรงขายทํากําไรและแรงขายทางเทคนิค รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นเหนือ 3.1% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2018 และดัชนีดอลลาร์พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุด นับตั้งแต่ธ.ค. 2002 ขณะที่วันนี้ราคาทองคําช่วงเช้าแกว่งตัวในกรอบ 1,866.00-1,878.25 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยเคลื่อนไหวชะลอตัวในลักษณะไซด์เวย์ออกด้านข้าง มี ปัจจัยช่วยหนุนจากราคาบิตคอยน์ร่วงหลุดจากระดับ 37,000 ดอลลาร์ช่วงเช้านี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนมิ.ย. อีกทั้ง ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดตลาดร่วงลงเช้านี้ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดทรุดตัวลงกว่า 1,000 จุดในวัน พฤหัสบดี (5 พ.ค.) ด้าน สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐได้สั่งจํากัดการใช้วัคซีน “แจนเซน” ซึ่งเป็นวัคซีนป้องกันโรคโควิด - 19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ในกลุ่มผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการลิ่มเลือดอุดตัน (blood clot) ซึ่งเป็นอาการที่พบไม่บ่อยนัก นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ญี่ปุ่นจะผ่อนคลายมาตรการควบคุมพื้นที่ชายแดนเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเดือนมิ.ย.นี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางของ ประเทศอื่นๆ ในกลุ่ม G7 ประเด็นที่กล่าวมานี้อาจเป็นปัจจัยที่กดดันต่อราคาทองคําได้ สําหรับคืนนี้แนะนําให้นักลงทุนติดตามตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐ จะเปิดเผย รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง, อัตราการว่างงานเดือนเม.ย.และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย.
คําแนะนํา เปิดสถานะซื้อ 1,860
จุดทํากําไร ขายเพื่อทํากําไร $1,889-1,902
ตัดขาดทุน ตัดขาดทุนสถานะซื้อหากหลด $1,860
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9888 กด 1 หรือเว็บไซต์ ylgbullion.co.th