สรุป หลังจากราคาทองคําเมื่อวานนี้ปรับตัวลดลงถึง 33.04 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์เกือบ 100% ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)จะปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยอีก 0.5% หรือ 50 bps สู่ระดับ 0.75-1.09% พร้อมกับประกาศแผนการปรับลดขนาดงบดุลลงในการประชุมนโยบายการเงินประจําเดือนพ.ค. การคาดการณ์ดังกล่าวหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีให้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเหนือ 3% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ธันวาคม 2018 ขณะที่วันนี้ราคาทองคําช่วงเช้า แกว่งตัวในกรอบ 1,858.80-1,866.96 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยเคลื่อนไหวในลักษณะไซด์เวย์ออกด้านข้างอยู่ภายในกรอบ ได้รับปัจจัยหนุนจากนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เปิดเผยว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์จําเป็นต้องมีบทบาทเพิ่มขึ้น ขณะที่ยุโรปแสวงหาแนวทางลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเชีย “โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นตัว แปรสําคัญที่ช่วยให้เราลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล รวมถึงก๊าซและน้ํามันจากรัสเซีย" นายจอห์นสันกล่าว อีกทั้ง เศรษฐกิจฮ่องกงมีแนวโน้มหดตัวลงในไตรมาส 1/2565 เนื่องจากฮ่องกงบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวดและการระบาดที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นของไวรัสสายพันธุ์โอมครอนในจีนแผ่นดินใหญ่ได้ก่อให้เกิด ภาวะชะงักงันในการทําการค้ากับฮ่องกง ด้าน สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลงกว่า 3% โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจจีนซึ่ง นําเข้าน้ำมันมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก ประเด็นที่กล่าวมานี้อาจเป็นปัจจัยที่กดดันต่อราคาทองคําได้ สําหรับคืนนี้แนะนําให้นักลงทุนติดตามตัวเลขทางเศรษฐกิจของ สหรัฐ จะเปิดเผยจํานวนตําแหน่งว่างงานเปิดใหม่(JOLIS Job Openings) และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมี.ค.
คําแนะนํา เปิดสถานะขาย 1,872-1,890
จุดทํากําไร ซื้อคืนเพื่อทํากําไร $1,854-1,841
ตัดขาดทุน ตัดขาดทุนสกานะขายหากผ่าน $1,890
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9888 กด 1 หรือเว็บไซต์ ylgbullion.co.th