สรุปราคาทองคําวานนี้ปิดสิ่งลง33.04 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคําได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์เกือบ 100% ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟต)จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.5% หรือ 50 bps สู่ระดับ 0.75-1.0% พร้อมกับประกาศแผนการปรับลดขนาดงบดุลลงในการประชุมนโยบายการเงินประจําเดือนพ.ศ.ที่กําลังจะเสร็จสิ้นลงในช่วงกลางสัปดาห์นี้ ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าว หนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีให้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเหนือ 3% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ธันวาคม 2018 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ Treasury Inflation Protected Securities (TIPS) อายุ 10 ปี ซึ่งเป็นอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงพลิกกลับมาเคลื่อนไหวในแดนบวกแตะ 0.183% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีนาคม 2020 จนเป็นปัจจัย สําคัญที่กดดันทองคําในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ปิดพุ่งขึ้น 0.33% แตะที่ 103.504 และยังคงทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 20 ปีจนเป็น ปัจจัยกดดันราคาทองคําเพิ่มเติม ประกอบกับดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกนําโดยแรงซื้อท้ายตลาด ส่วนดัชนี Nasdaq ดีดตัวขึ้นกว่า 200 จุด จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งนั่นทอนความต้องการ ทองคําในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้ราคาทองคําปรับตัวลดลงต่อเนื่องจนกระทั่งหลุดระดับต่ําสุดเดิมบริเวณ 1,872.94 ตอลลาร์ต่อออนซ์จนกระทั่งกระตุ้นแรงขาย ทางเทคนิคเพิ่มเติม นั่นส่งผลให้ราคาทองคําดิ่งลงทดสอบระดับต่ําสุดในรอบ 2 เดือนครึ่งบริเวณ 1,854.94 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคําลดลง -2.32 ตัน สําหรับวันนี้ ติดตามการเปิดเผยจํานวนตําแหน่งงานว่างเปิดใหม่ (JOLTS Job Openings) และยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน
หลังจากราคาทิ้งตัวลงอาจเกิดแรงซื้อดีดตัวขึ้นระยะสั้น เบื้องต้นมีแนวต้านระยะสั้นที่ 1,872 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หาก สามารถผ่านไปได้ ประเมินว่าจะเกิดแรงซื้อดันมาเข้าใกล้แนวต้านส าคัญโซน 1,890 ดอลลาร์ต่อออนซ์หากไม่ผ่านราคา อาจอ่อนตัวลงมาโซนแนวรับบริเวณ 1,841-1,823 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่หลุดราคาอาจฟื้นตัวขึ้นช่วงสั้นอีกครั้ง
คําแนะนํา เปิดสกานะขาย 1,872-1,890
จุดทํากําไร ซื้อคืนเพื่อทํากําไร $1,854-1,841
ตัดขาดทุน ตัดขาดทุนสกานะขายหากผ่าน $1,890
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9888 กด 1 หรือเว็บไซต์ ylgbullion.co.th