รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

จับตาผลการประชุมเฟด ชี้ชะตาทิศทางตลาดการเงินในระยะสั้น

เผยแพร่ 03/05/2565 08:18
อัพเดท 09/07/2566 17:32
  • สัปดาห์ที่ผ่านมา ปัญหาการระบาดของโอมิครอนในจีน รวมถึงปัญหาสงครามที่ยังยืดเยื้อและความกังวลแนวโน้มเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบายยังคงกดดันให้ตลาดการเงินโดยรวมปิดรับความเสี่ยง
  • ตลาดจะรอลุ้นการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ที่อาจส่งผลต่อทิศทางตลาดการเงินในช่วงนี้ได้

  • เงินดอลลาร์อาจย่อตัวลงได้ หากเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าเฟดจำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยถึง 0.75% ในอนาคต ทั้งนี้ ตลาดจะรอดูมุมมองเฟดต่อระดับ Terminal Rate ที่ตลาดมองไว้สูงถึง 3.75% ซึ่งหากเฟดไม่ได้มองว่าจะสูงถึงระดับดังกล่าวก็อาจทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลง กดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงได้บ้าง ส่วนเงินบาท ยังผันผวนในฝั่งอ่อนค่าและมีโอกาสทดสอบแนวต้าน “34.50” จากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ในช่วงก่อนรับรู้ผลการประชุมเฟดและโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ทั้งนี้ ควรติดตามทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ เพราะ แรงซื้อสินทรัพย์ไทยโดยเฉพาะหุ้นไทยอาจพอช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท อนึ่ง เราเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติอาจจะรอผลการประชุมเฟดก่อนมีการปรับสถานะถือครองที่ชัดเจน

  • มองกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้
    34.10-34.60
    บาท/ดอลลาร์

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

  • ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญในสัปดาห์นี้จะอยู่ที่ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด โดยเราคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สู่ระดับ 0.75%-1.00% เพื่อย้ำจุดยืนของเฟดในการแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ในจังหวะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะตลาดแรงงาน นอกจากนี้ เราคาดว่าเฟดจะเปิดเผยรายละเอียดแผนการลดงบดุล (Quantitative Tightening) ซึ่งอาจเริ่มต้นในเดือนหน้า อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า ตลาดจะจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟดโดยเฉพาะ 1.มุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เพิ่มสูงขึ้น 2.แนวทางการควบคุมทั้งเงินเฟ้อและตลาดแรงงานของเฟดที่จะไม่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย 3.โอกาสในการเร่งขึ้นดอกเบี้ย อาทิ 0.75% ในการประชุมครั้งถัดๆไป และจุดสูงสุดของอัตราดอกเบี้ยนโยบายในรอบนี้ (Terminal Rate) และ 4.ผลกระทบจากการทำ QT ของเฟดต่อตลาดการเงิน นอกเหนือจากผลการประชุมเฟด ตลาดจะจับตาแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ โดย ISM (Services PMI) เดือนเมษายน ซึ่งตลาดมองว่าอาจเพิ่มขึ้นแตะระดับ 58.5 จุด สะท้อนถึงการขยายตัวต่อเนื่องของภาคการบริการ นอกจากนี้ ตลาดมองว่า ภาพรวมตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งอยู่ โดยยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) อาจเพิ่มขึ้นกว่า 4 แสนราย ส่วนอัตราว่างงาน (Unemployment) ยังอยู่ในระดับต่ำราว 3.6% ซึ่งภาวะตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งและมีความต้องการแรงงานที่สูงนั้นจะช่วยหนุนให้รายได้เฉลี่ย (Average Hourly Earnings) โตขึ้นกว่า +5.5%y/y

  • ฝั่งยุโรป – ผลกระทบจากสงครามที่ส่งผลให้เงินเฟ้อในฝั่งยุโรปพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและกดดันความเชื่อมั่นผู้บริโภค จะส่งผลให้ยอดค้าปลีก (Retail Sales) ยูโรโซนในเดือนมีนาคม หดตัว -0.2% จากเดือนก่อนหน้า กดดันการฟื้นตัวเศรษฐกิจในระยะสั้น อนึ่ง แม้ว่าแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจในฝั่งยุโรปอาจเผชิญแรงกดดันจากปัญหาสงคราม ทว่าในฝั่งอังกฤษ ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) อาจมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 1.00% เพื่อควบคุมปัญหาเงินเฟ้อที่เร่งตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ BOE อาจประเมินว่าการเติบโตเศรษฐกิจอาจชะลอลง แต่ปัญหาเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงจะทำให้ BOE ทยอยขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ในอนาคต

  • ฝั่งเอเชีย – ตลาดมองว่าธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะเป็นอีกธนาคารกลางในเอเชียที่จะสามารถทยอยขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย หลังเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น ท่ามกลางเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นทะลุกรอบเป้าหมายของ RBA โดย RBA จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.15% สู่ระดับ 0.25% และมีแนวโน้มส่งสัญญาณทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีนี้ ส่วนในฝั่งจีน ผลกระทบจากการใช้มาตรการ Zero COVID เพื่อควบคุมการระบาดโอมิครอนจะกดดันให้ภาคการบริการซบเซาหนัก โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ (Caixin Services PMI) เดือนเมษายนอาจลดลงสู่ระดับ 40 จุด (ดัชนีต่ำกว่า 50 จุด หมายถึง ภาวะหดตัว)

  • ฝั่งไทย – ผลกระทบจากปัญหา Supply Chain Disruption และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างจีน อาจกดดันให้การขยายตัวของภาคการผลิตอุตสาหกรรมชะลอลงในเดือนเมษายน ชี้จากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรม (Manufacturing PMI) ที่จะลดลงแตะระดับ 51.3 จุด นอกจากนี้ปัญหาดังกล่าว รวมถึงภาวะต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจะกดดันความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเช่นกัน โดยดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ (Business Sentiment) อาจลดลงสู่ระดับ 50 จุด ส่วนในด้านระดับราคาสินค้าผู้บริโภคหรือระดับเงินเฟ้อนั้น เรามองว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) เดือนเมษายน อาจชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนสู่ระดับ 5.4% หลังราคาสินค้าพลังงานทรงตัว ทว่าราคาอาหารส่วนใหญ่อาจปรับตัวสูงขึ้น (ระดับราคาสินค้าโดยรวม +1.1%m/m) ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) จะอยู่ที่ระดับ 2.0% ทั้งนี้ เราคาดว่าระดับเงินเฟ้อที่สูงกว่ากรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะยังไม่กดดันให้ ธปท. ต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยตามธนาคารกลางอื่นๆ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้ายังไม่ได้กระจายเป็นวงกว้าง

Weekahead carlendar

ความคิดเห็นล่าสุด

มีความรู้ครับ ไม่รู้ผลจะทราบตอนกี่โมงครับ
ขอบคุณค่ะ
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย