การกลับตัวฉับพลันของราคาก๊าซธรรมชาติจากจุดสูงสุดที่ $8 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานำมาซึ่งคำถามว่า ขาขึ้นห้าสัปดาห์ติดต่อกันหมดสิ้นแรงไปต่อแล้วใช่หรือไม่? ถึงแม้ว่าจะยังไม่รู้คำตอบของพฤติกรรมราคาก๊าซธรรมชาติในตอนนี้ แต่สิ่งที่รู้แน่ๆ แล้วคือความต้องการก๊าซธรรมชาติสำหรับเพิ่มความอบอุ่นภายในครัวเรือนได้จากไปแล้ว และกำลังการผลิตก๊าซธรรมขาติที่มีมากเกินความต้องการจะยังคงอยู่
“ยังคงมีความเสี่ยงมากมายที่พร้อมผลักดันขาขึ้นของก๊าซธรรมชาติ” สำนักวิเคราะห์ Gelber & Associates เขียนสั้นๆ ถึงลูกค้าของพวกเขาเมื่อวานนี้ หนึ่งเหตุผลที่ทำให้เชื่อเช่นนั้นเป็นเพราะตัวเลขการนำก๊าซธรรมชาติเข้าคลังสำรองในดือนเมษายนไม่สามารถเพิ่มขึ้นถึงค่าเฉลี่ยในรอบห้าปีได้ ทำให้เกิดการขาดดุลระหว่างระดับราคาก๊าซธรรมชาติในปี 2022 และปี 2017-2021
ไม่ใช่แค่ G&A ที่มีความคิดเช่นนี้ Bespoke Weather ก็มีความเห็นคล้ายกัน พวกเขาเขียนคอมเมนต์ในเว็บไซต์ naturalgasintel.com ว่าการร่วงลงของราคาก๊าซธรรมชาติในสัปดาห์นี้เป็นเพียงการออกจากตลาดเพื่อทำกำไรก่อนเท่านั้น ความคาดหวังที่มีต่อการเติบโตในการผลิตก๊าซธรรมชาติจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นในช่วงปลายปี 2022 ไปจนถึงปี 2023
“แม้ว่าการคำนวณนี้จะเชื่อถือได้ แต่จนกว่าเราจะเห็นตัวเลขระดับการผลิตเพิ่มขึ้นมาจริงๆ จึงจะกล้าฟันธงในข้อมูลที่ระบบคำนวณมา นั่นจึงทำให้ขาขึ้นครั้งนี้ยังมีความเสี่ยง แต่ถ้าถามว่าการขึ้นยืนเหนือ $8 เป็นไปได้ไหม เรายินดีที่จะลองวางเดิมพัน” - Bespoke Weather กล่าว
Sunil Kumar Dixit หัวหน้านักยุทธศาสตร์ด้านเทคนิคของ skcharting.com ให้ความเห็นต่อสถานการณ์ของราคาก๊าซธรรมชาติทางเทคนิคว่า
“อินดิเคเตอร์ RSI และ Stochastic ของเขาได้วิ่งลงมาจากโซน overbought แล้ว ซึ่งหมายความว่าโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลดลงในระยะสั้น แนวรับที่ใกล้ที่สุดคือ $6.688 และ $6.262 หรือถ้าเทียบเป็นเครื่องมือ Fibonacci Retracement ก็คือ 38.2% และ 50% สำหรับขาขึ้น กราฟต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการยืนเหนือ $7.214 อย่างมั่นคงให้ได้ จึงจะมีโอกาสวิ่งกลับขึ้นไปทดสอบระดับราคา $8.065”
ในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่ ราคาซื้อขายก๊าซธรรมชาติล่วงหน้า ณ ท่าเรือเฮนรี่นิวยอร์กยังคงวิ่งอยู่ต่ำกว่า $7 หลังจากสร้างขาขึ้นมา 55% ตลอดระยะเวลาห้าสัปดาห์ล่าสุด ตอนนี้นักลงทุนกำลังรอรายงานปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังจากสำนักงานพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) ที่จะรายงานวันนี้เวลา 21:30 น. ตามเวลาประเทศไทย
อ้างอิง: Gelber & Associates
นักวิเคราะห์ของ Investing.com เชื่อว่าตัวเลขจาก EIA ในวันนี้จะมีการเพิ่มปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังทั้งหมด 37 พันล้านลูกบาศก์ฟุต (bcf) เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ที่เคยทำได้ 42 bcf หากเป็นเช่นนั้น เท่ากับว่าปริมาณก๊าซธรรมชาติทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาในสัปดาห์นี้จะมีตัวเลขอยู่ที่ 1,397 bcf ต่ำกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 439 bcf และค่าเฉลี่ยของห้าปีล่าสุดที่ 303 bcf
G&A คาดการณ์ว่าถ้าตัวเลขที่ออกมาใกล้เคียงแต่ไม่ถึง 27 bcf จะเป็นสัญญาณบ่งบอกโดยตรงว่าความต้องการก๊าซธรรมชาติเพื่อให้ความร้อนได้ลดลงแล้ว และเป็นการยืนยันช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านจากฤดูหนาวสู่ฤดูร้อน ความจริงที่ว่าตัวเลขปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังที่สูงขึ้นติดต่อกันสองสัปดาห์หมายถึงไม่มีความต้องการที่ต้องใช้พลังงานความร้อนในช่วงนี้มากนัก
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีโอกาสที่ราคาก๊าซธรรมชาติจะปรับตัวขึ้นได้อยู่ เพราะยังมีการคาดการณ์ว่าอากาศเย็นจะยังคงอยู่กับสหรัฐอเมริกาไปอีกสักพัก ทำให้เกิดความไม่สมดุลระหว่างความต้องการและการใช้งานก๊าซธรรมชาติจากคลังสำรอง อย่างน้อยสถานการณ์ก็จะเป็นเช่นนี้ไปจนถึงเดือนพฤษภาคม หากสภาพอากาศในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้ายังเย็นอยู่ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีการเพิ่มก๊าซธรรมชาติคงคลังเข้ามาด้วยตัวเลขเพียงหลักเดียว ทั้งหมดนี้จึงสามารถสรุปได้ว่าในระยะสั้น ราคาก๊าซธรรมขาติอาจจะยังเป็นขาลงอยู่ นี่คือข้อมูลจาก Robert DiDona จาก Energy Ventures Analysis ที่ให้กับรอยเตอร์
ในส่วนของ HDD หรือ Heating Degree Day ซึ่งเป็นวันวัดระดับความร้อน เป็นการวัดที่ออกแบบมาเพื่อหาปริมาณความต้องการพลังงานที่จำเป็นในการทำให้อาคารร้อนขึ้น เทียบจากจำนวนองศาที่อุณหภูมิเฉลี่ยในหนึ่งวันซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ 18 องศาเซลเซียส ข้อมูลจาก ข้อมูลจาก Refinitiv ระบุว่าค่า HDD ในอีกสองสัปดาห์จะมีตัวเลขอยู่ที่ 131 เทียบกับค่าเฉลี่ยในรอบ 30 ปีในช่วงเวลานี้ที่ 122 HDD
นอกจากนี้ Refinitiv ยังคาดการณ์ค่าเฉลี่ยความต้องการก๊าซธรรมขาติ (ซึ่งรวมถึงส่งออก) ด้วยว่าจะลดลงจาก 99.5 bcf ต่อวันของสัปดาห์นี้ลงไปเป็น 91.9 bcfd ในสัปดาห์หน้า ค่าเฉลี่ยของการส่งออกก๊าซธรรมชาติใน 48 รัฐเพิ่มขึ้นจาก 93.7 bcfd ในเดือนมีนาคม ขึ้นไปเป็น 94.4 bcfd ในเดือนเมษายนจนถึงปัจจุบัน ซึ่งตัวเลขนี้ต่ำกว่าของเดือนธันวาคมปี 2021 ที่ 96.3 bcfd
รายงานของ naturalgasintel ระบุว่าบริษัท Aegis Hedging Solutions ให้ข้อมูลว่าโมเดลการคำนวณของพวกเขาได้ปริมาณปริมาณก๊าซธรรมขาติคงคลังทั่วประเทศเอาไว้ที่ 3.3 tcf มาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคม ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบห้าปีประมาณ 355 bcf นาย Nick Hillman นักวิเคราะห์ของ Aegis ให้ความเห็นว่า
“สำหรับพวกเราแล้ว คำว่า “มีปริมาณก๊าซธรรมชาติสำรองเพียงพอ” คือต้องมีตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 3.6-3.8 tcf ถ้าต่ำกว่านั้นเราจะถือว่าไม่เพียงพอทั้งหมด ลักษณะการวิ่งของราคาในตลาดตอนนี้บอกได้อย่างเดียวว่าต้องเพิ่มปริมาณก๊าซธรรมชาติสำรองเข้าคลังอีก เพราะความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้นในโลกตอนนี้ ทำให้มีความต้องการก๊าซธรรมชาติจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ทำให้โอกาสในการเก็งกำไรราคาก๊าซธรรมชาตินั้นเปิดกว้าง ราคาก๊าซธรรมขาติต้องขึ้นอีก $15 ถึงจะพอกับความต้องการก๊าซธรรมขาติทั่วโลกได้”