รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

สงครามในเยเมนอาจกระทบตลาดน้ำมันต่อ ทองคำรอผลการประชุมเฟด

เผยแพร่ 04/04/2565 16:37
อัพเดท 02/09/2563 13:05

การปรับตัวกลับขึ้นมาจากจุดต่ำสุดของราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มว่าจะชะลอตัวจากข้อตกลงของกบฏฮูตี ที่จะไม่โจมตีโรงงานผลิตน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย ซึ่งถือเป็นการบรรเทาแรงกดดันทางภูมิรัฐศาสตร์ลงไปได้บ้าง WTI Daily

ในขณะเดียวกัน นักลงทุนทองคำในสัปดาห์นี้จะให้ความสนใจกับรายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) เมื่อวันที่ 15-16 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งจะเปิดเผยสู่สาธารณะชนในวันพุธที่จะถึงนี้ ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ารายงานการประชุมนี้จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตัดสินใจของเฟดในการประชุมครั้งถัดไป ว่าสุดท้ายแล้วจะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมเดือนพฤษภาคม Gold Daily

ในช่วงเช้าของตลาดลงทุนฝั่งเอเชียวันนี้ (เวลา 01:30 PM ตามเวลาท้องถิ่นสิงคโปร์) ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้น 0.2% มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $104.56 ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เมื่อสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวลดลง 13% มากที่สุดนับตั้งแต่ขาลงในเดือนเมษายนปี 2020 สาเหตุที่ราคาน้ำมันดิบทั้งเบรนท์และ WTI ร่วงลงมากกว่า 1% เมื่อเช้านี้เป็นเพราะข่าวองค์การสหประชาชาติได้ดำเนินการหยุดยิงเป็นเวลาสองเดือน นับเป็นครั้งแรกที่มีการหยุดยิงระหว่างกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย และฮูตีที่ร่วมมือกับอิหร่านในสงครามเจ็ดปีกับเยเมน

ความขัดแย้งระหว่างฮูตีกับซาอุดีอาระเบีย และการโจมตีแหล่งพลังงานอย่างต่อเนื่องโดยกลุ่มกบฏเป็น “ภัยคุกคามต่ออุปทานน้ำมัน และการหยุดยิงจะช่วยลดภัยคุกคามนั้นได้” ฟิล ฟลินน์ นักวิเคราะห์จาก Price Futures Group ของชิคาโกกล่าว

ความกังวลเกี่ยวกับความต้องการน้ำมันในจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ยังคงมีอยู่ เนื่องจากเมืองเซี่ยงไฮ้ที่มีประชากรมากที่สุดของจีน รัฐบาลจีนพึ่งขยายกรอบเวลาการปิดเมืองจากโควิด-19 กระทรวงคมนาคมของจีนคาดว่าการจราจรบนท้องถนนจะลดลง 20% และเที่ยวบินลดลง 55% ในช่วงวันหยุดเช็งเม้งสามวัน อันเนื่องมาจากจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดเพิ่มสูงขึ้น แม้จะมีสนธิสัญญาสันติภาพเยเมน แต่การคว่ำบาตรของตะวันตกต่อรัสเซียที่รุนแรงขึ้น ยังคงสามารถทำให้ราคาน้ำมันผันผวนในสัปดาห์นี้ได้

การเทขายน้ำมันดิบมากที่สุดนับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อประธานาธิบดีโจเซฟ ไบเดน ประกาศว่าน้ำมันดิบจำนวน 1 ล้านบาร์เรลต่อวันจะถูกปล่อยออกจากคลังสำรองปิโตรเลียมเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ (SPR) เป็นเวลาหกเดือน โดยจะเริ่มเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2022 เป็นต้นไป

ก่อนหน้านี้ในเดือนพฤศจิกายน ไบเดนได้สั่งให้ปล่อย 50 ล้านบาร์เรลจาก SPR และ 30 ล้านบาร์เรลในเดือนมีนาคม การปล่อยพลังงานครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือกับชาติพันธมิตรอื่นๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ และสหราชอาณาจักร ข้อมูลล่าสุดจาก EIA ที่นับถึงวันที่ 25 มีนาคมระบุว่าตอนนี้ SPR มีระดับอยู่ที่ 568 ล้านบาร์เรล ด้วยปริมาณน้ำมันสำรอง 180 ล้านบาร์เรลในช่วงหกเดือน ปริมาณสำรองอาจลดลงเหลือหนึ่งในสามของระดับปัจจุบัน

ไบเดนเริ่มดึงเอา SPR ออกสู่ตลาดมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เพื่อให้บริษัทผู้กลั่นน้ำมันของสหรัฐฯ สามารถยืมน้ำมันสำรองจากรัฐโดยพวกเขาไม่ต้องจ่ายเงิน ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าบริษัทเหล่านี้ต้องส่งน้ำมันคืนภายในระยะเวลาที่กำหนด และมีค่าเบี้ยประกันภัยเล็กน้อย การทำเช่นนี้ ฝ่ายบริหารหวังว่าจะช่วยบรรเทาปัญหาน้ำมันแพงได้ ผลิตภัณฑ์น้ำมันดิบและเชื้อเพลิง เช่น น้ำมันเบนซินและดีเซลจึงได้ปรับตัวลดลง

แม้ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำเนียบขาวได้ตัดสินใจปล่อย SPR ประมาณ 3 ล้านบาร์เรลต่อสัปดาห์ออกมา แต่ความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ กลับส่งผลกระทบต่อราคาจนถึงขณะนี้เพียงเล็กน้อย ความพยายามของไบเดนได้ทำให้บริษัทผู้กลั่นน้ำมันสามารถผลิตน้ำมันออกมาได้มากกว่าที่พวกเขามักจะทำได้ในช่วงเวลานี้ของปี ซึ่งส่งผลให้มีการหมุนเวียนของน้ำมันในระบบสูงเป็นพิเศษ ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงเพียงเล็กน้อย

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา องค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ยินยอมที่จะปล่อยน้ำมันออกสู่ตลาดร่วมกับ 180 ล้านบาร์เรล ที่ไบเดนประกาศที่จะปล่อยก่อนหน้านี้ ทีน่า เต็ง นักวิเคราะห์จาก  CMC Markets APAC & Canada ให้ความเห็นว่า

ความพยายามร่วมกันของสหรัฐฯ และพันธมิตรอาจทำให้อุปทานขาดดุลในปี 2022 ชั่วคราว แต่นั่นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาระยะยาว นอกจากนี้ บริษัทเอกชนผู้ผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ อาจไม่เต็มใจที่จะเพิ่มผลผลิตเพื่อรักษากำไรให้สูง นอกจากนี้จำนวนของแท่นขุดเจาะในอเมริกายังคงชะลอตัว เนื่องจากผู้เจาะยังคงต้องนำกำไรมาคืนให้กับผู้ถือหุ้น และราคาน้ำมันดิบที่สูงมากกว่าที่จะเพิ่มการผลิต ซึ่งไม่คุ้มต้นทุน

ในวันพุธที่ 6 เมษายนนี้ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดการประชุมของธนาคารกลางเมื่อเดือนมีนาคมอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจน นักลงทุนหวังว่าจะได้รับข้อมูลอัปเดตว่าผู้มีสิทธิ์วางนโยบายการเงินมีมุมมองอย่างไรต่อแนวโน้มนโยบายการเงิน และอาจมีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการลดงบดุล 9 ล้านล้านดอลลาร์

เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อเดือนที่แล้ว 0.25%  ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกในการทำนโยบายการเงินตึงตัว เพื่อมุ่งหวังไปที่การควบคุมเงินเฟ้อ นับตั้งแต่การประชุมในเดือนมีนาคม เจ้าหน้าที่เฟดหลายคน รวมทั้งประธานธนาคารกลางเจอโรม พาวเวลล์ ได้ระบุว่าพวกเขาพร้อมที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุกมากขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้อัตราเงินเฟ้อสูงไปมากกว่านี้ ยิ่งได้เห้นตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ยิ่งเป็นเหตุผลให้เชื่อได้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 0.50% ในการประชุมวันที่ 4 พฤษภาคมนี้

ข่าวเศรษฐกิจสำคัญประจำสัปดาห์นี้ของฝั่งสหรัฐอเมริกาจะมีรายงานตัวเลขยอดคำสั่งซื้อจากโรงงาน จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก รายงานตัวเลขดุลบัญชีการค้า นอกจากนี้จะมีถ้อยแถลงจากคนของธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้แก่ รองประธานเฟดเลล์ แบร์นาร์ด ประธานเฟดสาขามินนิอาโปลิส ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก และประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย