ในช่วงเปลี่ยนผ่านศตวรรษตลอดยี่สิบสองปีที่ผ่านมา ทองคำมีราคาซื้อขายอยู่ต่ำกว่า 300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทุกการร่วงลงของราคาทองคำถูกมองว่าเป็นโอกาสในการซื้อ นั่นจึงเป็นเหตุผลให้แร่โลหะสีอร่ามมีราคาพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดล่าสุดเกือบ 2,080 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในเดือนมีนาคม 2022 ภายในกรอบระยะเวลาเดียวกัน ในปี 2010 หนึ่งบิทคอยน์มีมูลค่าห้าเซ็นต์ แต่ในเดือนพฤศจิกายน 2021 หนึ่งบิทคอยน์กลับมีมูลค่าเกือบถึง 69,000 ดอลลาร์
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ความตึงเครียดทางการเมือง และปัจจัยอื่นๆ ได้เพิ่มมูลค่าให้ทั้งโลหะมีค่าและสกุลเงินดิจิทัล ทองคำเป็นของเก่า ในขณะที่บิทคอยน์เป็นสินทรัพย์ใหม่ แต่ถึงกระนั้นผู้ที่ศรัทธาในสินทรัพย์ทั้งสองต่างเชื่อว่ายังมีโอกาสที่ราคาจะเปลี่ยนเทรนด์กลับขึ้นไป พวกเขาเชื่อว่าทุกครั้งที่ลงมา เป็นไปเพื่อสะสมแรงเพื่อรอวันผงาดอยู่เสมอ
เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ทองคำมีราคาซื้อขายอยู่ที่ 1954 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่ ราคาซื้อขายทองคำกลับลดลงต่ำกว่าที่ 1933 ดอลลาร์ ในช่วงเวลาเดียวกัน บิทคอยน์กลับสามารถปรับตัวขึ้นได้ จากสัปดาห์ที่แล้ว 44,850 ดอลลาร์ กลายเป็นการขึ้นยืนเหนือ 46,937 แม้จะเป็นสินทรัพย์สำรองทั้งคู่ แต่ด้วยพฤติกรรมการวิ่งของราคาที่ต่างกันจึงนำมาซึ่งคำถามที่ว่าแล้วใครกำลังจะกลายเป็นสินทรัพย์สำรองที่มีมูลค่ามากที่สุด?
ภาพรวมทางเทคนิคของราคาบิทคอยน์
หลังจากร่วงลงจาก 68,906.48 ดอลลาร์ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2021 เป็น 33,076.39 ดอลลาร์ในวันที่ 24 มกราคม 2022 กราฟบิทคอยน์ก็ได้เข้าสู่กรอบการซื้อขายแคบๆ มาตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม ก่อนที่จะเริ่มเลือกเส้นทางใหม่ได้อีกครั้ง
อ้างอิง: Barchart
กราฟรูปนี้แสดงให้เห็นการปรับฐาน 52% ของบิทคอยน์ ที่มีกรอบการซื้อขายอยู่ระหว่าง $34,366.52 ถึง $45,734.08 ในวันที่ 27 มีนาคม ราคาบิทคอยน์สามารถเคลื่อนตัวทะลุจุดสูงสุดของกรอบนี้ได้สำเร็จ
ภาพรวมทางเทคนิคของราคาทองคำ
ทองคำและบิทคอยน์มีลักษณะหลายอย่างที่เหมือนกัน เช่นการเป็นสินทรัพย์ทางเลือก แต่ถึงกระนั้น แม้ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่เก่าแก่ที่สุด และมีบทบาทในระบบการเงินทั่วโลกมีอายุนับพันปี แต่บิทคอยน์ผู้มาใหม่ กลับสามารถใช้เวลาเพียงสิบกว่าปีขึ้นมาเป็นสินทรัพย์ที่ถูกนำไปเปรียบเทียบได้
นับตั้งแต่เข้าสู่ช่วงเปลี่ยนศตวรรษนี้ ทุกๆ ครั้งที่ทองคำร่วงลง กลายเป็นโอกาสสำหรับการเข้าซื้อสะสม
อ้างอิง: CQG
กราฟรูปนี้แสดงการยกจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น และจุดสูงสุดที่สูงขึ้นของราคาซื้อขายทองคำล่วงหน้าบนตลาด COMEX ในปี 1999 โกลด์ฟิวเจอร์สเคยลงไปแตะจุดต่ำสุดที่ 252.50 ดอลลาร์ ก่อนที่จะขึ้นมาทำจุดสูงสุดในเดือนมีนาคม 2022 ที่ 2,078.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ คิดเป้นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจากปี 1999 ถึงแปดเท่า
สาเหตุที่ราคาทองคำพุ่งแตะจุดสูงสุดครั้งใหม่ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นสู่ตัวเลขสูงสุดในรอบกว่าสี่ทศวรรษ นอกจากนี้ยังมีสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน และการคว่ำบาตรรัสเซียจากตะวันตก และการตอบโต้ของมอสโกในการคว่ำบาตรด้วยการจำกัดเงินสำรองดอลลาร์สหรัฐให้เป็นเงินยูโรและทองคำ เป็นตัวผลักดันราคาทองคำให้ปรับตัวสูงขึ้น เป็นที่ทราบกันดีว่าทองคำถือเป็นมาตรวัดของเงินเฟ้ออยู่แล้ว แถมยังอ่อนไหวต่อความวุ่นวายทางการเมืองอีกด้วย
อ้างอิง: brookings.edu
กราฟรูปนี้คือทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของรัสเซีย ณ เดือนมิถุนายน 2021 จะเห็นว่าพวกเขาถือครองเงินยูโรและทองคำถือครองเป็นอันดับต้นๆ เพราะทองคำสามารถกลายเป็นเครื่องมือสำหรับการหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรจากตะวันตกได้ ดังนั้นรัสเซียจึงได้ใช้ทองคำเป็นเครื่องมือ แต่เมื่อวันที่ 24 มีนาคม. กลุ่มประเทศผู้นำ G7 ประกาศคว่ำบาตรรอบใหม่ แช่แข็งทองคำสำรองของรัสเซีย
อัตราเงินเฟ้อและสงครามครั้งใหญ่ครั้งแรกในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ผลักดันให้ทองคำขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ นอกจากนี้ กราฟราคาทองคำในปัจจุบันยังชี้ให้เห็นว่าขาขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่เป็นเรื่องที่ไม่ได้ไกลเกินเอื้อม หลังจากการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ครั้งล่าสุด Jeffrey Gundlach ซีอีโอของ DoubleLine Capital กล่าวว่าในระยะสั้นเขาชอบบิทคอยน์มากกว่าทองคำ คุณเจฟฟี่อธิบายว่าบิทคอยน์อยู่ใกล้จุดต่ำสุดในขณะที่ทองคำยังไม่ได้ถือว่าลงมาจากจุดสูงสุดล่าสุดมากเท่าไหร่
ปัจจัยสนับสนุนขาขึ้นของบิทคอยน์ในอนาคต
บิทคอยน์เป็นสกุลเงินดิจิทัลอันดับหนึ่งของโลกสกุลเงินดิจิทัล ปัจจุบันมีระดับราคาอยู่ที่ 46,937 ดอลลาร์ มีมูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่กว่า 892.18 พันล้านดอลลาร์ มากกว่าสกุลเงินอันสองอย่างอีเธอเรียมสองเท่า ต่อจากนี้ สิ่งที่จะทำให้บิทคอยน์สามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้แก่
- บิทคอยน์มีผู้สนับสนุนมากมาย ที่พร้อมทำให้สกุลเงินดิจิทัลกลายเป็นการลงทุน และซื้อขายสินทรัพย์ที่สำคัญมากขึ้น
- หากมูลค่าตามราคาตลาดของสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัลยังคงเติบโตต่อไป พอร์ตการลงทุนก็ถูกละเลยมากขึ้น
- หากบิทคอยน์สามารถขึ้นยืนเหนือ $50,000 จะมีนักลงทุนหลายคนที่คิดว่าแรงหนุนขาขึ้นได้กลับมาแล้ว
- อุดมการณ์เบื้องหลังและสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดคือการปฏิเสธธนาคารกลางและการควบคุมปริมาณเงินของรัฐบาล ยิ่งทุกวันนี้เงินรัฐบาลกำลังถูกเงินเฟ้อกัดกินมูลค่าอยู่ทุกวัน ก็ยิ่งมีแนวโน้มที่เงินทุนจะไหลเข้าสู่สกุลเงินดิจิทัล เพื่อคานมูลค่าของสินทรัพย์มากขึ้น
- แนวต้านสำคัญของบิทคอยน์ยังถือว่าอยู่ห่างไกลกับระดับราคาในปัจจุบัน
อ้างอิง: CQG
กราฟรายวันของบิทคอยน์ฟิวเจอร์สรูปนี้แสดงให้เห็นว่าในขณะที่บิทคอยน์ทำจุดสูงสุดต่ำลง แต่จุดต่ำสุดกลับยกตัวสูงขึ้นมาตั้งแต่จุดต่ำสุดของวันที่ 24 มกราคม การสร้างรูปแบบลิ่มมักจะนำไปสู่การเบรดเอ้าท์ขึ้นหรือลง และก็อย่างที่เห็น ตอนนี้บิทคอยน์ได้เลือกทิศทางที่จะไปต่อแล้ว
ปัจจัยสนับสนุนขาขึ้นของทองคำในอนาคต
ทองคำเป็นทรัพย์สินที่เกิดขึ้นก่อนพันธสัญญาเดิมของพระคัมภีร์ และมีสถานะสูงส่งตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงปัจจุบัน สำหรับตอนนี้ สิ่งที่จะหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้คือ
- ธนาคารกลางและรัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับบทบาทของทองคำ ในระบบการเงินโลกโดยถือโลหะสีเหลืองเป็นส่วนสำคัญของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ
- ความอ่อนไหวต่ออัตราเงินเฟ้อของทองคำมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นต่อไป ในขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นเป็น 7.9% YoY สงครามในรัสเซียมีแนวโน้มที่จะผลักดันให้ CPI ไปสู่ระดับที่สูงขึ้นมากในเดือนมีนาคมและเดือนถัดๆ ไป
- ทองคำมีแนวโน้มลดลงเมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม นโยบายการเงินของเฟดยังไล่หลังอัตราการเติบโตของเงินเฟ้ออยู่มาก และมีแนวโน้มว่าอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจะเป็นบวกในอนาคตอันใกล้
- การคว่ำบาตรทองคำรัสเซียจะถือเป็นการกีดกันผู้ผลิตรายใหญ่อันดับสามของโลก
- ทองคำทำจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นเรื่อยๆ มานานกว่าสองทศวรรษแล้ว และจนถึงตอนนี้เราก็ยังไม่เคยเห็นว่าจะสิ้นสุดลงตรงไหน
โดยสรุปแล้ว
ทองคำเป็นโลหะมีค่าที่เก็บความมั่งคั่งมาตลอดประวัติศาสตร์มนุษย์ ซึ่งความจริงนี้ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงได้ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์จะยังคงเป็นปัจจัยผลักดันการเติบโตของสินทรัพย์สำรองต่อไป
Jeffrey Gundlach อาจวิเคราะห์ถูก เพราะว่าเมื่อเทียบระดับราคาปัจจุบันกับจุดสูงสุดตลอดกาล $69,000 ยังถือว่าห่างไกล มีพื้นที่ให้ขึ้นอีกเยอะ ในขณะที่ทองคำก็ย่อตัวลงมาจากจุดสูงสุดตลอดกาลเพียง 146 ดอลลาร์ ห่างกันไม่มาก ถ้าหากเทรนด์ของราคาทองคำยังคงเป็นขาขึ้น การจะขึ้นไปที่ 2,500 ดอลลาร์หรือ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปี 2022 ก็ไม่เป็นปัญหา
ส่วนตัวแล้ว ผมชอบถือทั้งทองคำและบิทคอยน์เอาไว้ในพอร์ตการลงทุน ด้วยการจัดสรรให้กับสินทรัพย์สำรอง 20% ผมชอบที่จะให้ 15% เป็นการถือทองคำและ 5% เป้นบิทคอยน์ แม้ว่าคำตอบของคำถามที่ว่าระหว่างบิทคอยน์หรือทองคำใครดีกว่ากันจะไม่ตายตัว แต่ผมเชื่อว่าเราจะได้เห็นบิทคอยน์และทองคำปรับตัวขึ้นมากในช่วงเวลาต่อจากนี้ ตราบใดที่เงินเฟ้อและสงครามยังไม่จบ