รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

น้ำมัน ทองคำ ปรับตัวลดลงแม้สงครามยังไม่จบ นักลงทุนจับตาการประชุมเฟด

เผยแพร่ 15/03/2565 14:25
อัพเดท 02/09/2563 13:05

แนวโน้มขาขึ้นของราคาน้ำมันและทองคำมีความไม่แน่นอนเพิ่มมากขึ้น เมื่อสถานการณ์สงครามในยูเครนเป็นไปได้ทั้งสองทาง ทั้งยกระดับความรุนแรงเพิ่มขึ้น หรือหาทางจบสงครามด้วยสันติวิธี ในขณะเดียวกัน สัปดาห์นี้ก็จะมีการประชุมอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่เชื่อว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 

ในการซื้อขายตลาดฝั่งเอเชียเมื่อวานนี้ ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว คิดเป็นการร่วงลงมากกว่า 2% โดยมีสาเหตุมาจากข่าวฝั่งรัสเซียที่ออกมาบอกว่ามีสัญญาณที่ดีขึ้นในแง่ของการเจรจา

ข่าวดีดังกล่าวทำให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เมื่อเวลาตี 1.30 ของตลาดนิวยอร์กเมื่อวานนี้ปรับตัวลดลง 2.3% มีระดับราคาอยู่ที่ $110.14 ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 2.7% มีราคาซื้อขายเมื่อวานนี้อยู่ที่ $106.35 ต่อบาร์เรล จากการวิเคราะห์ฺทางเทคนิคโดย Sunil Kumar Dixit หัวหน้านักวิเคราะห์จาก skcharting.com มองว่า การที่ราคาน้ำมันดิบไม่สามารถขึ้นยืนเหนือ $116 - $120 ต่อบาร์เรลทำให้มีโอกาสที่ WTI จะลงมาที่ $103 ต่อบาร์เรล โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ $95 และ $86 ต่อบาร์เรล 

สัปดาห์ที่แล้วราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลดลง 4.8% ในขณะที่ WTI ร่วงลงมา 5.7% กลายเป็นขาลงมากที่สุดของน้ำมันทั้งสองนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน แม้ว่าราคาน้ำมันยังมีปัจจัยสนับสนุนอยู่จากการที่สหรัฐฯ ประกาศแบนการน้ำมันเข้าน้ำมันจากรัสเซีย และสหราชอาณาจักรจะค่อยๆ ลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียและคาดว่าจะเลิกการนำเข้าภายในสิ้นปีนี้ แต่เมื่อสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ประเทศผู้ผลิตน้ำมันอันดับที่สองของกลุ่ม OPEC ออกมาประกาศว่าจะเพิ่มกำลังการผลิต ข่าวดีนั้นก็ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงมา

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้เพิกถอนคำพูดของเอกอัครราชทูตในเวลาต่อมา โดยกล่าวว่าจะเคารพข้อตกลงการผลิตน้ำมันระหว่างกลุ่มพันธมิตร OPEC+ ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มโอเปกเดิม 13 ประเทศ และชาติพันธมิตรผู้ผลิตน้ำมันอีก 10 ประเทศ ที่มีรัสเซียเป็นพี่ใหญ่ นับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 กลุ่ม OPEC+ จงใจรักษาสมดุลตลาดให้มีน้ำมันไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เพื่อเพิ่มระดับความต้องการน้ำมัน และให้พวกเขาได้กำไรชดเชยจากความต้องการน้ำมันที่เสียไปในช่วงเกิดการระบาด

สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างอิงงานวิจัยจาก ANZ Research เมื่อวันจันทร์ว่า แม้สหรัฐฯ จะแบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย แต่ถ้่าประเทศในกลุ่มยุโรปไม่เอาด้วย ขาขึ้นของราคาน้ำมันดิบก็มีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงในอนาคต

การเจรจาที่เกิดขึ้นไปพร้อมๆ กับการยิงมิสไซล์

สำนักข่าว RIA นิวส์ของรัสเซียรายงานคำพูดของดิมิทรี เพสคอฟ โฆษกรัฐบาลว่าการเจรจาในวันอาทิตย์ยังไม่มีความคืบหน้า ให้จับตาดูในสัปดาห์นี้ต่อไป ความพยายามจะหาข้อยุติในการทำสงครามเกิดขึ้นไปพร้อมๆ กับการยิงมิสไซส์ของรัสเซียเข้าไปถล่มศูนย์รักษาความสงบ ที่อยู่ห่างจากชายแดนโบแลนด์ไป 25 กิโลเมตร คร่าชีวิตผู้คนไป 35 รายและบาดเจ็บอีก 134 ราย

ทำเนียบขาวรายงานการต่อสายตรงคุยกันระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดนและเอ็มมานูเอล มาครอง ผู้นำของฝรั่งเศสว่า นี่คือสงครามที่รัสเซียสามารถเลือกได้ และพวกเขาไตร่ตรองแล้วว่าอยากที่จะท้าทายนาโต้ นอกจากนี้ทั้งสองคนยังได้หารือถึงวิธีที่จะทำให้รัสเซียต้องรับผิดชอบต่อการจุดไฟสงครามครั้งนี้ขึ้นมา

ราคาซื้อขายทองคำล่วงหน้าบนตลาด COMEX ที่จะส่งมอบในเดือนเมษายนปรับตัวลดลงมา 0.4% มีราคาซื้อขายเมื่อวานนี้อยู่ที่ $1,976.90 ต่อออนซ์ ในขณะที่ราคาทองคำสปอตร่วงลง 0.8% มีราคาซื้อขายเมื่อวานนี้อยู่ที่ $1,973.21 หากปรับตัวลดลงต่ำกว่าโซนราคา $1,985 - $1,980 ให้พิจารณาแนวรับถัดไปที่ $1,958 เท่ากับว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้เพียงเกือบ 1% เท่านั้น

มากาเร็ต หยาง นักวิเคราะห์จาก DailyFX บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า 

“ฉันเชื่อว่าเราได้ผ่านจุดที่เลวร้ายที่สุดของสงครามครั้งนี้มาแล้วเมื่อทั้งสองฝ่ายยินดีที่จะเจรจากัน ถ้าหากสถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ เราคงไม่มีโอกาสได้เห็นราคาทองคำขึ้นยืนเหนือจุดสูงสุดตลอดกาลเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2020 เร็วๆ นี้แน่ ถ้าหากสงครามรัสเซียยูเครนตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าที่มีนัยสำคัญ ความสนใจของตลาดลงทุนจะหันไปที่การประชุมอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำโดยตรงมากกว่า”

เฟดต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้

เป็นที่ทราบกันดีว่าสัปดาห์นี้ (15-16 มีนาคม) จะมีการประชุมอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งนักลงทุนทุกคนเชื่อว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25% แน่นอน ความท้าทายของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้คือเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเท่าไหร่ จึงจะเหมาะสมที่สุดในการสกัดกั้นเงินเฟ้อ ไปพร้อมๆ กันกับการไม่ขวางกั้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย

นอกจากเงินเฟ้อแล้ว ประเด็นที่เฟดไม่คาดคิดมาก่อน แต่ต้องมีการพิจารณาเข้ามาร่วมด้วยในการประชุมครั้งนี้คือผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซียยูเครน สำนักข่าวบลูมเบิร์กวิเคราะห์ว่าสงครามสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดการเงินและพลังงานทั่วโลก แม้เฟดจะเป็นธนาคารที่ทรงอำนาจที่สุดในโลก แต่พวกเขาก็ต้องเลือกใช้เครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสมที่สุดในการแก้ไขปัญหาครั้งนี้

มาร์ก ซานดี หัวหน้านักวิเคราะห์จาก มูดี้ อนาไลติกส์ วิเคราะห์เชิงเปรียบเปรยว่า

“การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ครั้งนี้ตัดสินใจได้ยากจริงๆ เปรียบเทียบสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนี้เหมือนเครื่องบินที่กำลังจะแลนดิ้งบนรันเวย์ด้วยความเร็วสูง และต้องฟันฝ่ากระแสลมแรงจากโรคระบาด แถมยังมีทัศนวิสัยที่ถูกบดบังด้วยความไม่แน่นอนจากเหตุการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างประเทศ”

โจฮาน เกรน หัวหน้านักวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุนใน ETF ของ Allianz บอกกับ investing.com ว่า

“ด้วยสถานการณ์เงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้นเรื่อยๆ และสถานการณ์รัสเซียยูเครน การขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% จะเหมือนกับว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่ได้ตัดสินใจทำอะไรเลย”

จากวีบุรุษที่ได้รับการยกย่องเพราะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ในการป้องกันภาวะถดถอยเพราะโรคระบาด ตอนนี้พาวเวลล์กลายเป็นผู้ร้ายที่จะต้องรับผิดชอบทุกสิ่งที่ผิดพลาดเกี่ยวกับเงินเฟ้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขายอมรับว่าธนาคารกลางประเมินผิดว่าเงินเฟ้อเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว

นอกเหนือจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย (ที่เชื่อว่าจะมีมากถึงเจ็ดครั้งในปีนี้ตามจำนวนการประชุมในปฏิทินของ FOMC) ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังต้องลดงบดุล ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ระบุว่าจะลดลงเท่าไหร่ การกระทำดังกล่าวจะลดกระแสเงินสดในระบบการเงิน เพิ่มความไม่แน่นอนให้กับตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้น ที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้นคือหากอัตราเงินเฟ้อไม่เริ่มลดลงตามมาตรการเหล่านี้ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเกินไป จะส่งผลย้อนกลับมาทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยและตลาดการเงินตกต่ำ

สำนักข่าวบลูมเบิร์กยกคำพูดของลินซีย์ ลอว์เรนซ์ อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ ขึ้นมากล่าวว่า 

“เมื่อคุณติดกระดุมผิดเม็ด และยังฝืนติดมันเช่นนั้นเรื่อยๆ สิ่งที่คุณต้องทำเพื่อจบปัญหานี้คือเริ่มติดกระดุมตั้งแต่เม็ดแรกใหม่ทั้งหมด ซึ่งมันต้องใช้ความพยายามมากว่าเมื่อเทียบกับการติดผิด แล้วยอมรับ และเริ่มแก้ไขตั้งแต่เนิ่นๆ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% จะไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไรเลย และจะยิ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร สกุลเงิน และสินค้าโภคภัณฑ์ด้วย”

“การขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%” เขากล่าวต่อ “อาจจะทำให้เกิดผลกระทบที่ตามมาอย่างรุนแรง ทองคำ น้ำมันอาจร่วงลงเร็ว เงินเฟ้ออาจจะหยุดชะงักไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง คำถามคือเฟดจะมีเครื่องมืออะไรเพิ่มเติมเพื่อไม่ทำให้สถานการณ์นี้ช็อกตลาดมากเกินไปนัก”

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย