รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ราคาก๊าซธรรมชาติสหรัฐฯ ปรับตัวลงเมื่ออากาศหนาวเริ่มจากไป

เผยแพร่ 10/03/2565 18:19
อัพเดท 02/09/2563 13:05

ราคาก๊าซธรรมชาติของสหรัฐอเมริกาปรับตัวลดลง เมื่อฤดูหนาวกำลังจะจากไป ประกอบกับสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียยูเครนดูเหมือนว่าจะยังพอมีจุดที่สามารถพูดคุยกันได้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นทั้งๆ ปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังสำรองจะยังอยู่ในระดับต่ำก็ตาม อ้างอิงข้อมูลจากราคาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ ณ หน้าท่าเรือเฮนรี่เมื่อวานนี้ปรากฎว่าราคาก๊าซธรรมชาติได้ปรับตัวลดลงเป็นวันที่สามติดต่อกัน มุ่งหน้าลงสู่จุดต่ำสุดในรอบสัปดาห์

 

สภาพอากาศที่เปลี่ยนไปเมื่อวานนี้ได้ทำให้ตัวเลขคาดการณ์ความต้องการก๊าซธรรมชาติในอีกสองสัปดาห์หายไป 5 bcf เพิ่มเติมจากตัวเลขคาดการณ์ของวันอังคารที่ถูกปรับตัวลดลงไปก่อนหน้านี้แล้ว 35 bcf หนึ่งในสาเหตุที่ช่วยทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติของอเมริกาลดลงคือราคาก๊าซธรรมชาติในยุโรป ที่ปรับตัวลดลงตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียยูเครน ที่ถึงแม้ว่าจะยังไม่จบ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีรายงานความเสียหายเพิ่มเติม

ราคาตลาดพลังงานในยุโรปเริ่มปรับตัวลดลงตั้งแต่วันจันทร์ หลังจากที่ผู้นำคนใหม่ของเยอรมันนายโอลาฟ โชลซ์ ประกาศว่าไม่ยินดีที่จะแบนการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียเพิ่มเติม การประกาศของเขาทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าในเนเธอร์แลนด์ร่วงลงจาก $68 เป็น $50 บริษัทที่ให้คำปรึกษาด้านการลงทุนในตลาดพลังงาน Gelber & Associates ส่งอีเมล์ถึงลูกค้าของเขาโดยระบุว่าความเสี่ยงที่ตลาดจะปรับตัวกลับขึ้นไปยังมี ตอนนี้ให้จับตาดูความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และความขัดแย้งระหว่างรัสเซียยูเครนเป็นหลัก

“ความสามารถในการส่งออก LNG ของอเมริกาที่มีอยู่อย่างจำกัด และราคาพลังงานในยุโรปที่ปรับตัวลดลง เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อราคาก๊าซธรรมชาติอเมริกาในช่วงนี้ ราคาก๊าซธรรมชาติ ณ ท่าเรือเฮนรี่ในระยะสั้นจะยังคงปรับตัวลดลง เพราะความต้องการก๊าซธรรมชาติของชาวอเมริกันในเดือนนี้ไม่สูงมาก และผู้คนกำลังให้ความสนใจกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดมากกว่า” - แดน เมเยอร์ นักวิเคราะห์จาก Gelber & Associates กล่าว

ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่นับถึงวันที่ 4 มีนาคมพุ่งขึ้นมา 26% ในสัปดาห์นี้ สาเหตุนั้นเป็นเพราะมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกที่มีต่อประเทศรัสเซีย สร้างผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันของรัสเซียโดยตรง เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ราคาน้ำมันดิบ WTI ยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงจุดๆ หนึ่งที่สามารถขึ้นยืนเหนือ $130 ต่อบาร์เรลได้

 

 

วันนี้สำนักบริหารสารสนเทศพลังงานของสหรัฐอเมริกา (EIA) จะมีรายงานปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลัง EIA คาดการณ์ว่าในสัปดาห์นี้ปริมาณก๊าซธรรมชาติสำรองจะลดลง 117 bcf เทียบกับ 59 bcf ของช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว และ 89 bcf ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของการดึงก๊าซธรรมชาติสำรองออกไปใช้ในช่วง 5 ปีล่าสุด (2017 - 2021)

หากตัวเลขนี้เป็นจริง เท่ากับว่าอเมริกามีการดึงก๊าซธรรมชาติสำรองออกจากคลังเกิน 100 bcf เป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน สัปดาห์ก่อนหน้านี้อเมริกาก็พึ่งจะดึงออกไป 123 bcf เท่ากับว่าภายในระยะเวลา 4 สัปดาห์ล่าสุด อเมริกาดึงก๊าซธรรมชาติสำรองออกจากคลังไปแล้วเกิน 200 bcf ถ้าหากการคาดการณ์ถูกต้อง จะเท่ากับว่าการปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังทั่วประเทศที่นับถึงวันที่ 4 มีนาคมจะเหลืออยู่ที่ 1.526 tcf ลดลงจากค่าเฉลี่ยในรอบห้าปี 15.6% และลดลงจากตัวเลขในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 15.2%

เกี่ยวกับปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังในสัปดาห์นี้ Gelber & Associates มีความเห็นว่า สภาพอากาศที่เปลี่ยนไปจะทำให้ปริมาณก๊าซธรรมชาติลดลงจนสามารถสังเกตได้ ก่อนที่การเติมก๊าซธรรมชาติเข้ามาในคลังครั้งแรกของปี 2022 จะเกิดขึ้นไม่เกินวันที่ 25 มีนาคม ตอนนั้นอากาศเย็นจะเริ่มเปลี่ยนเป็นความอบอุ่นมากขึ้น

Sindre Knutsson ประธานบริษัท Rystad Energy มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าตลาดพลังงานตอนนี้กำลังเดินทางเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ สภาพอากาศที่อบอุ่นมากขึ้นจะทำให้ความต้องการก๊าซธรรมชาติของชาวอเมริกันลดลง Bespoke Weather Services เชื่อว่าตอนนี้ปริมาณก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกามีมากพอที่จะรองรับความต้องการของคนในชาติ เมื่อฤดูใหม่มาถึง ความต้องการพลังงานความร้อนจะลดลงอย่างรวดเร็วแน่นอน

“ในที่สุด เราก็ได้จะเห็นช่วงเวลาตลาดก๊าซธรรมชาติวิ่งแตกต่างไปจากสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ เสียที ซึ่งเป็นสิ่งที่เรารู้สึกว่าควรจะเกิดขึ้นเร็วกว่านี้ ต้องยอมรับว่าหน้าหนาวของปีนี้ทำให้การคาดการณ์ก๊าซธรรมชาติเป็นไปได้ยากกว่าปกติ นอกจากความต้องการพลังงานในช่วงหน้าหนาว ยังมีเรื่องของเงินเฟ้อ และสงครามเข้ามาเกี่ยวข้องอีก” Bespoke กล่าว

ในช่วงที่สงครามรัสเซียยูเครนยังร้อนระอุ มีข้อมูลระบุว่าการส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ของอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากความต้องการ LNG ทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น 12 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ Refinitiv รายงานว่าตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมจนถึงปัจจุบัน การส่งออก LNG ของสหรัฐฯ มีตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็น 12.59 bcfd ต่อวัน เพิ่มขึ้นจากตัวเลขในเดือนกุมภาพันธ์ 12.43 bcfd และ 12.44 bcfd ของเดือนมกราคม

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย