ราคาพาลาเดียมยังคงปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่สองติดต่อกันในเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากที่เดือนมกราคมก็สามารถสร้างขาขึ้นได้อย่างโดดเด่น ภายในระยะเวลา 3 เดือนล่าสุด พาลาเดียมปรับตัวขึ้นมาแล้ว 30% ราคาซื้อขายพาลาเดียม ณ ตลาดฟิวเจอร์สนิวยอร์กเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาสามารถขึ้นยืนเหนือ $300 ต่อออนซ์ สร้างจุดสูงสุดใหม่ได้เป็นที่เรียบร้อย และเท่าที่ดูจากทรงกราฟ ยังมีโอกาสที่ราคาพาลาเดียมจะขยับตัวขึ้นต่อได้อีก อย่างไรก็ตาม หากมาดูที่ปัจจัยพื้นฐานในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์กลับส่งสัญญาณว่าขาขึ้นครั้งนี้อาจจะไม่ได้สวยงามอย่างที่วาดฝัน
หากถามว่าขาขึ้นของราคาพาลาเดียมครั้งนี้มีสาเหตุมาจากอะไร? เชื่อว่าหลายคนคงจะพอเดากันได้ไม่ยาก ใช่แล้วครับ เป็นเพราะรัสเซีย ประเทศผู้กุมการผลิต 10% ของสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกเอาไว้ และพาลาเดียมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น หลังจากที่รัสเซียเปิดฉากทำสงครามกับยูเครน นักลงทุนก็เก็งกันว่าประเทศผู้ผลิตแร่พาลาเดียมเป็นอันดับต้นๆ ของโลกอย่างรัสเซียจะเข้าแทรกแซงกระบวนการผลิตพาลาเดียม เพื่อใช้เป็นการโต้กลับชาติตะวันตก ที่ตอนนี้พร้อมใจกันสกัดกั้นรัสเซียทุกวิถีทางหรือไม่
ที่มา: skcharting.com
พาลาเดียมมากกว่า 80% ถูกใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ด้วยคุณสมบัติสำคัญที่สามารถทำปฏิกิริยากับไอเสียต่างๆได้ดี จึงมีการนำมาใช้ในการผลิตเครื่องฟอกไอเสียในรถยนต์ แต่การชะลอตัวของการผลิตรถยนต์อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่การระบาดของ COVID-19 ในปี 2020 มีแนวโน้มที่จะชะลอการเติบโตของราคาแพลเลเดียม
บริษัท Cox Automotive คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์น่าจะอยู่ที่ 1.08 ล้านคัน ลดลง 11% จากเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ในอัตรารายปีที่ปรับฤดูกาลแล้ว (SAAR) ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ แสดงให้เห็นว่าตลาดยังคงมีข้อจำกัดอย่างมาก จากการขาดอุปทานรถยนต์ใหม่ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สามารถสร้างรถยนต์แล้วเสร็จ 14.4 ล้านคัน ลดลงจากอัตราการเติบโตในเดือนมกราคม 15 ล้านคัน และลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ที่แล้ว 15.9 ล้านคัน
นอกจากนี้ ปริมาณการขายรถยนต์ใหม่มีค่าเฉลี่ยเพียง 1.05 ล้านคันในแต่ละเดือน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว และเดือนกุมภาพันธ์นี้ บริษัทก็ไม่คาดว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงเทรนด์การเติบโตลดลงให้กลายเป็นขึ้นได้ ระดับสินค้าคงคลังไม่ได้แสดงการเติบโตของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ เพราะสินค้าคงคลังรถยนต์ใหม่ตอนนี้ต่ำกว่าปีที่แล้ว 62%
Charlie Chesbrough นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสที่ Cox Automotive กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดรถยนต์ในปัจจุบันว่า
“ตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่น่าสนใจมาก เราเชื่อว่า SAAR จะลดลงเป็นอย่างมากในเดือนหน้าเพราะระดับอุปทานต่ำและปริมาณการขายต่ำ และคาดว่าจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงในเรื่องนี้ได้ ในฤดูหนาว เราเคยคาดการณ์ว่ายอดขายจะต่ำ เพราะการเปลี่ยนฤดูกาลอาจส่งผลให้ SAAR ค่อนข้างแข็งแกร่ง ดังที่เป็นในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ แต่เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ เมื่อตัวเลขคาดการณ์ยอดขายว่าจะสูงขึ้นมาก SAAR กลับจะดูอ่อนแอเป็นพิเศษ หากไม่มีสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ SAAR ของเดือนมีนาคมจะลดลงอย่างสามารถสังเกตได้”
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่คิดอย่างนั้น Bruce Ikemizu จาก ICBC Standard Bank วิเคราะห์ว่า
“เราไม่สามารถคาดหวังการเปลี่ยนแปลงระดับอุปสงค์อุปทานของแพลเลเดียมได้ในอนาคตอันใกล้นี้ นั่นคือเราอาจจะได้เห็นอุปทานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหรืออุปสงค์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลยังคงครองตลาดอยู่ ผมไม่คาดว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงได้ในไม่ช้า ราคาพาลาเดียมจะสูงขึ้น ตราบใดที่สถานการณ์อุปสงค์และอุปทานผันผวนนี้ไม่เปลี่ยนแปลง”
ในปี 2021 รัสเซียคิดเป็น 40% (2.6 ล้านออนซ์) ของการผลิตพาลาเดียมทั้งหมดทั่วโลก ปีที่แล้วพาลาเดียมทำผลงานได้ไม่ดีเพราะภาคยานยนต์ประสบปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในทางกลับกันประเด็นนี้ถูกมองว่าเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความต้องการแพลเลเดียม และทำให้ราคาของพาลาเดียมลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2021
Johnson Matthey นักวิเคราะห์จาก Hindu Business Line วิเคราะห์ว่า
“ด้วยจำนวนโรงงานไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ที่เพิ่มขึ้นในประเทศจีน ความต้องการอุตสาหกรรมสำหรับแพลเลเดียม ซึ่งใช้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเช่นกันในการผลิตสารเคมี (ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน) ทำให้ความต้องการแพลเลเดียมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเร็วกว่าอุปทาน คาดว่าตลาดจะขาดดุลเพิ่มขึ้นเป็น 829,000 ออนซ์ในปี 2021”
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค ราคาแร่พาลาเดียมล่วงหน้า ที่จะส่งมอบในเดือนมิถุนายนบนตลาด COMEX เมื่อวันจันทร์มีราคาอยู่ที่ $2,504.60 สร้างจุดสูงสุดในรอบเจ็ดเดือนเอาไว้ที่ $2,712.27 มีจุดสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ $3,019
Sunil Kumar Dixit นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจาก skcharting.com ให้ความเห็นทางเทคนิคต่อสถานการณ์ของกราฟพาลาเดียมเอาไว้ดังนี้
“จากความเคลื่อนไหวล่าสุด ราคาพาลาเดียมได้วิ่งขึ้นไปยัง $2,678 เพื่อที่จะทดสอบแนวต้าน และกลับลงมาวิ่งอยู่ที่ $2,473 หากราคาสามารถปรับตัวขึ้นไปไกลกว่า $2,678 ให้พิจารณาแนวต้านถัดไปที่ 2,747 เมื่อวัดด้วยเครื่องมือ Fibonacci จากจุดสูงสุด $3,019 และจุดต่ำสุด $1,525 พบว่า $2,676 เป็นระดับ 78.6% พอดี”
“เมื่อเปลี่ยนไปดูกราฟรายสัปดาห์” เขากล่าวต่อ “จะเห็นว่าราคามีโอกาสพักฐานอยู่ที่ระดับแนวรับสำคัญ การหลุดแนวรับ $2,386 หรือเส้นค่าเฉลี่ย EMA 5 สัปดาห์ลงมาได้ จะเปิดโอกาสให้ราคามุ่งหน้าลงสู่ $2,278 หรือที่เส้นค่าเฉลี่ย SMA 100 สัปดาห์ และ $2,230 หรือที่เส้นค่าเฉลี่ย EMA 50 สัปดาห์ ตามลำดับ