สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันสามารถพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน ยามใดที่เกิดความไม่สงบ โลกเกิดความวุ่นวาย สินค้าโภคภัณฑ์มักจะต้องปรับตัวขึ้นอยู่เสมอ แม้กระทั้งสินทรัพย์ที่ไม่เคยมีใครชายตามองอย่างโลหะเงิน ก็ยังสามารถปรับตัวขึ้นได้มากถึง 8% ในเดือนกุมภาพันธ์ ทำผลงานขาขึ้นได้ดีที่สุดในรอบห้าเดือน ทั้งๆ เดือนก่อน ราคาโลหะเงินยังปรับตัวลงตามทองคำ พาลาเดียมและแพลตตินัมอยู่เลย
Edmund Moy อดีตผู้อำนวยการ US Mint และนักยุทธศาสตร์อาวุโสเกษียณอายุ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านโลหะมีค่าที่ US Money Reserve ในเมืองออสติน รัฐเท็กซัสวิเคราะห์ว่าความต้องการโลหะเงินทั่วโลกในปีนี้อาจจะเพิ่มขึ้นจนสร้างจุดสูงสุดในรอบหลายปี ปรากฎการณ์นี้จึงถือเป็นเรื่องน่าสนใจ เพราะทุกคนทราบกันดีว่ามักจะไม่มีใครพูดถึงการลงทุนในโลหะเงินเมื่อเทียบกับทองคำ แต่ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากทั้งโรคระบาด เงินเฟ้อ และไฟสงครามทำให้สินทรัพย์สำรองมีความต้องการมากขึ้น
ที่มา skcharting.com
คำถามก็คือราคาของโลหะเงินมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้มากเช่นเดียวกันราคาทองคำเลยหรือไม่ เพราะอุปสรรคของขาขึ้นในโลหะเงินมีอยู่หลักๆ ตรงที่โลหะเงินไม่เคยได้รับการยอมรับในฐานะสิ่งที่ใช้ในการเก็บสะสมมูลค่า และโลหะเงินมักจะถูกใช้ในฐานะเป็นเครื่องประดับมากกว่า ซึ่งในปีนี้ความสามารถในการผลิตโลหะเงินในอเมริกาลดลง เนื่องจากโควิดที่ยังคงสร้างผลกระทบกับปัญหาซัพพลายเชนขาดแคลนต่อไป
จากพฤติกรรมความเคลื่อนไหวของราคาโลหะเงินเทียบกับทองคำในอดีต น้อยครั้งที่โลหะเงินจะทะลุกรอบราคาขึ้นหรือลงได้เอง โดยที่ไม่พึ่งพาแรงหนุนจากทองคำ ในขณะที่ทองคำสามารถทะลุกรอบไซด์เวย์ขึ้นลงได้ตามปกติ
เปรียบเทียบสถานการณ์ให้เห็นชัดที่สุดในตอนนี้คือทั้งๆ ที่เงินเฟ้อสหรัฐฯ สูงสุดในรอบสี่สิบปี และความตึงเครียดระหว่างรัสเซียยูเครนส่งให้ราคาทองคำขึ้นยืนเหนือจุดสูงสุดในรอบแปดเดือนที่ $1,900 ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้โลหะเงินจะสามารถขึ้นยืนเหนือจุดสูงสุดในรอบห้าสัปดาห์ที่ $24 ได้ แต่นั่นก็ยังทำให้อัตราส่วนทองคำกับโลหะเงินมีตัวเลขอยู่ที่ 1:79 หรือหมายความว่าทองคำหนึ่งออนซ์สามารถซื้อโลหะเงินได้ 79 ออนซ์
“ถึงเหตุผลข้างต้นจะเป็นเรื่องจริง แต่มั่นใจได้เลยว่าปี 2022 จะเป็นปีที่ดีสำหรับโลหะเงินมากกว่าช่วงสองสามปีก่อนอย่างแน่นอน เมื่อเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวจากวิกฤตโรคระบาด ความต้องการโลหะเงินในเชิงอุตสาหกรรมเครื่องประดับก็จะหลับมาตามเดิม” - Edmund Moy กล่าว
ข้อมูลจากสถานบันโลหะเงินวิเคราะห์ว่าในปีนี้ความต้องการโลหะเงินทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 8% ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ 1.112 พันล้านออนซ์ภายในปี 2022 นี้ ข้อมูลบางส่วนจากรายงานนี้เผยว่ามีเหตุผลให้เชื่อถือได้ว่าปีนี้โลหะเงินจะได้แรงหนุนมาจากความต้องการใช้งานด้านไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และแน่นอนว่าการเป็นเครื่องประดับที่สวยงาม อัตราการเติบโตของความต้องการโลหะเงินทั่วโลกในปีนี้ถูกคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 5% สร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ 552 ล้านออนซ์ นั่นคือสิ่งที่สถาบันโลหะเงินเชื่อ
Robert Minter ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ETF ที่ Aberdeen Asset Management วิเคราะห์สถานการณ์ของโลหะเงินในปีนี้ว่า
“ให้คิดเสียว่าความต้องการโลหะเงินในปีนี้จะเป็นครึ่งหนึ่งของความต้องการทองคำ หรือทองแดงก็ได้ หากลองเทียบกับกำไรที่ได้รับมาจากทองแดงในช่วงสิ้นปี 2020 ที่มีการปรับตัวขึ้น 28% ในขณะที่ทองคำและโลหะเงินวิ่งลง 2% และ 12% ตามลำดับแล้ว มีความหมายว่าราคาโลหะเงินอาจได้โอกาสปรับตัวขึ้นมากกว่า หากวัดจากจุดสูงสุดเมื่อวันอังคารของโลหะเงินที่ 24.43 เท่ากับว่าโอกาสได้เห็นโลหะเงินขยับเข้าใกล้กับ $25.50 ต่อออนซ์”
ความต้องการแร่โลหะเงินมากกว่า 50% มาจากการใช้งานในอุตสาหกรรม เพราะสำหรับการทำเครื่องประดับ โลหะเงินถือว่าอ่อนตัวได้ดีพอๆ กับทองคำ นอกจากนี้โลหะเงินยังเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดีและใช้กันอย่างแพร่หลายในการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เทรนด์การเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาดคาดว่าจะกระตุ้นความต้องการโลหะเงินในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานสำหรับการเชื่อมต่อในรถยนต์ไฟฟ้าและส่วนประกอบภายในแผงโซลาร์เซลล์ นอกจากนี้ การเปิดตัวเครือข่ายโทรคมนาคมรุ่นที่ 5 (5G) ยังมีส่วนช่วยเพิ่มความต้องการโลหะเงินอีกด้วย
Michael DiRienzo ผู้อำนวยการแห่งสถาบันโลหะเงินคาดว่าความต้องการลงทุนในแร่โลหะเงินในปี 2022 จะเพิ่มขึ้น 10% เป็น 290 ล้านออนซ์ ความเห็นของผู้อำนวยการสอดคล้องกับ Moy ที่เชื่อว่าความต้องการโลหะเงินจะช่วยเปิดทางเลือกให้กับนักลงทุนในปีนี้ ยกตัวอย่างเช่นการลงทุนกับโลหะเงินผ่านกองทุน ETF
“การถือครองโลหะเงินด้วยตัวเองจะทำให้เจ้าของในปีนี้รู้สึกว่ามีมูลค่ามากขึ้น แต่สำหรับคนที่ต้องการลงทุนโลหะเงินแบบไม่ต้องจับตัวสินทรัพย์จริงๆ ก็สามารถหันไปลงทุนกับกองทุน ETF ได้ ตราบใดที่เงินเฟ้อยังสูง คนที่ลงทุนกับหุ้นของบริษัทขุดเหมืองแร่โลหะ ก็จะได้อานิสงส์ขาขึ้นตามไปด้วย จริงอยู่ว่าการลงทุนผ่านราคาหุ้นหรือ ETF นั้นอาจจะสะดวกสบาย แต่ก็มีความเสี่ยงจากความผันผวน นักลงทุนต้องเลือกเอาว่าจะซื้อความสบายใจด้วยการถือครองโลหะเงินจริงๆ หรือจะเลือกความสบายและรับความเสี่ยงในตลาดแทน” - Edmund Moy กล่าว
สำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิคนั้น เราต้องยกให้เป็นหน้าที่ของ Sunil Kumar Dixit หัวหน้านักยุทธศาสตร์ด้านเทคนิคของ skcharting.com อีกเช่นเคย สำหรับการวิเคราะห์ราคาโลหะเงินสปอตนั้นเขามีมุมมองว่า
“กราฟโลหะเงินในระยะสั้นยังไม่สามารถขึ้นยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันหรือ $24.20 ได้ สำหรับแนวแนวรับที่ยังหนุนให้เป็นแนวโน้มขาขึ้นอยู่คือ $23.60 ที่เส้นค่าเฉลี่ย SMA 100 สัปดาห์ และ $23.80 ที่เส้นค่าเฉลี่ย EMA 50 สัปดาห์ หากสามารถขึ้นยืนเหนือ $24.20 ที่เส้นค่าเฉลี่ย SMA 200 วันได้เมื่อไหร่ จะเป็นการเปิดทางขึ้นสู่แนวต้านถัดไปที่ $24.75 แต่หากไม่แล้ว กราฟอาจจะลงไปทดสอบแนวรับที่ $23.80 และ $23.60”