ความผันผวนของตลาดเป็นเหมือนยาเสพติดที่ทรงพลังสำหรับนักลงทุนและเทรดเดอร์จำนวนมาก มันมักจะนำไปสู่การเก็งกำไร การแสวงหากำไรโดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยงของการสูญเสีย
ความเห็นเชิงเข้าข้างตัวเอง หรือทฤษฎีการเก็งกำไรโดยไม่ต้องใช้เวลาค้นคว้าหรือตรวจสอบอย่างละเอียด ทำให้หลายคนเข้าสู่ตลาดคริปโตฯ โดยเฉพาะในสภาวะตลาดกระทิง ในช่วงชีวิตของผม ไม่เคยเห็นสินทรัพย์ใด ๆ ที่เริ่มต้นจากห้าเซ็นต์เพิ่มขึ้นเป็น 70,000 ดอลลาร์ภายในระยะเวลาเพียง 11 ปี การลงทุน 1 ดอลลาร์ในบิทคอยน์ที่ 5 เซนต์ต่อโทเค็นในปี 2010 มีมูลค่าเกือบ 1.4 ล้านดอลลาร์ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2021 ในช่วงที่บิทคอยน์สามารถแตะจุดสูงสุดตลอดกาล
แม้ว่าบิทคอยน์จะลดจำนวนเหรียญลงครึ่งหนึ่ง ณ จุดต่ำสุดในเดือนมกราคม 2022 แต่มันก็ยังมีมูลค่าเกือบ 850,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในระดับที่แทบจะคำนวณไม่ได้
การร่วงลงจากจุดสูงสุดในเดือนพฤศจิกายนทำให้บิทคอยน์ อีเธอเรียม และคริปโตฯ อื่น ๆ อีกกว่า 17,500 สกุลเงินเปลี่ยนจากดาวเจิดจรัสสู่ดาวตกไปสู่ความืดมิด ถึงกระนั้น หลังจากลงไปแตะจุดต่ำสุดเมื่อเดือนที่ผ่านมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัลจะสามารถฟื้นคืนชีพกลับมาได้แล้ว และอาจจะพร้อมที่จะขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ หรืออาจจะไปไกลกว่านั้นด้วยซ้ำ
หากประวัติศาสตร์เป้นสิ่งที่มักจะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า การเคลื่อนไหวของราคาเมื่อเร็วๆ นี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการรวมตัวของผู้ที่ศรัทธาในคริปโตฯ ที่พร้อมจะพาตลาดไปสู่ระดับที่คิดไม่ถึง แรงกระตุ้นจากการเก็งกำไรสามารถล่อให้ผู้คนเข้าสู่ตลาด และนำกลุ่มสินทรัพย์ดิจิทัล ที่กำลังเติบโตอย่างกว้างขวาง ไปสู่ระดับราคาที่เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางการขึ้นสู่ดวงจันทร์อีกรอบ
ขาลงก่อนหน้านี้ของบิทคอยน์และอีเธอเรียมเป็นไปตามเทคนิค
เช่นเดียวกับเกมเก้าอี้ดนตรี เพลงขาขึ้นของสกุลเงินบิทคอยน์และอีเธอเรียมหยุดกะทันหันในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2021 ซึ่งเป็นวันที่ทั้งสองสกุลเงินทำสถิติสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลครั้งล่าสุด
ที่มา: Barchart
กราฟรูปนี้แสดงให้เห็นว่าหลังจากบิทคอยน์แตะ $68,906.48 ดอลลาร์ต่อโทเค็น ภายในวันเดียวกันนั้นเอง เทรนด์ขาขึ้นของบิทคอยน์ก็กลับลำ สร้างจุดปิดต่ำกว่าจุดต่ำสุดของวันก่อนหน้า
ที่มา: Barchart
กราฟอีเธอเรียมก็วิ่งไปในทิศทางเดียวกันกับบิทคอยน์หลังจากสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $4,865.426
รูปแบบการกลับตัวที่ชัดเจนทำให้บิทคอยน์ร่วงลงมาอยู่ที่ 33,076.69 ดอลลาร์หรือต่ำกว่า 52% จากจุดสูงสุดในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ในขณะเดียวกันอีเธอเรียมก็ร่วงลงมาอยู่ที่ $2,163.316 ในวันที่ 24 มกราคม คิดเป็นการลงมาจากจุดสูงสุดในกลางเดือนพฤศจิกายนจนถึงตอนนี้ 55.5%
นอกจากบิทคอยน์และอีเธอเรียม มูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ อีกมากมายก็เสียมูลค่าไปมากกว่าครึ่งหนึ่งจากจุดสูงสุดวันนั้นถึงจุดต่ำสุดเมื่อวันที่ 24 มกราคม
แรงหนุนขาลงที่ค่อยๆ จางหายไป
แนวโน้มขาขึ้นของตลาดคริปโตฯ ได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน เมื่อฝั่งขายสามารถเข้ามายึดตลาดได้สำเร็จ ทำให้เกิดขาลงอย่างเห็นที่เห็นกันในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม เก้าอี้ดนตรีของขาลงในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ดูเหมือนว่าจะหยุดเช่นกันในวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา เนื่องจากแรงเทขายในตลาดที่ทยอยออกไปและนักลงทุนขาขึ้นก็ทยอยกลับเข้ามาและเริ่มมีกำลังมากขึ้น
การเลือกที่จะระบุว่าจุดใดเป็นจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของแนวโน้มไม่ว่าจะอยู่ในตลาดไหนก็เป็นเกมที่อันตราย ยิ่งในตลาดคริปโตฯ การมัวทำเช่นนั้นอาจถึงตายได้ ตลาดที่มีความผันผวนสูงมักจะขึ้นลงอย่างไร้เหตุผล ไม่สามารถหาคำอธิบายได้ว่าทำไมถึงเกิดการเคลื่อนไหวเช่นนั่น จนกว่าจะมีแนวโน้มขึ้นลงปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน นักวิเคราะห์จึงจะสามารถเริ่มงานของพวกเขาได้
นักลงทุนหลายคนพยายามซื้อให้ได้จุดต่ำสุดหรือขายให้ได้จุดสูงสุด ส่วนตัวผมมองว่านี่คืออัตตาส่วนบุคคลมากกว่าการลงทุนหรือเทรดเพื่อผลกำไร แนวโน้มราคาสะท้อนความรู้สึกของตลาดหรือความคิดของผู้คน ความพยายามที่จะลงทุนให้ได้ในจุดสูงสุดหรือต่ำสุดถือเป็นการกระทำของคนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ที่คิดว่าความคิดของตนนั้นฉลาดมากกว่าคนหมู่มาก ซึ่งมักจะนำไปสู่ข้อผิดพลาดและการขาดทุนวนไปอย่างสม่ำเสมอ
แนวโน้มขาขึ้นจะสิ้นสุดลงเมื่อฝั่งขาลงมีกำลังมากขึ้น และแนวโน้มขาลงกลับเป็นขาขึ้นเมื่อมีคนเข้ามาซื้อมากกว่าคนขาย สัจธรรมก็เป็นเช่นนี้
สัญญาณการดีดกลับที่สำคัญเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เราอาจเห็นคริปโตเคอเรนซีปรับตัวสูงขึ้นหลังจากการปรับฐานมาตั้งแต่จุดต่ำสุดวันที่ 24 มกราคม การลงทุนในตลาดคริปโตฯ ตอนนี้อาจจะปลอดภัยกว่าเพราะดูเหมือนว่าแรงขาลงได้หายไปจากตลาดมากพอสมควร
ที่มา: Barchart
กราฟรูปนี้แสดงให้เห็นว่าบิทคอยน์ได้เปลี่ยนจากการสร้างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่ต่ำลง มาเป็นการสร้างในสิ่งที่ตรงกันข้าม ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม
ที่มา: Barchart
เช่นเดียวกันกับอีเธอเรียม หลังจากที่มูลค่าลดลงครึ่งหนึ่งแล้ว สกุลเงินดิจิทัลแนวหน้าทั้งสองอาจจะพบจุดต่ำสุด ซึ่งอาจหมายถึงแรงสนับสนุนในการซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังจะกลับมา
บิทคอยน์กับแนวต้าน $51,100 อีเธอเรียมกับ $3,530…เป็นไปได้ไหม?
หากวัดด้วยเครื่องมือ Fibonacci จากจุดสูงสุดในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน และจุดต่ำสุดในวันที่ 24 มกราคม จะพบว่า 50% ของราคาบิทคอยน์จะอยู่ที่ $50,991.59 ในขณะเดียวกัน ของอีเธอเรียมจะอยู่ที่ระดับ $3,514.371
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ในขณะที่ผมกำลังเขียนบทความนี้ บิทคอยน์มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $42,107 โดยที่อีเธอเรียมอยู่ที่ $2,855 อย่างไรก็ตาม หากจะกลับไปยืนเหนือ 50% หรือ เหนือระดับ $51,000 และ $3,515 ให้ได้ บิทคอยน์และอีเธอเรียมยังมีเส้นทางที่ต้องวิ่งขึ้นอีกไกลมากทีเดียว ในระหว่างนี้ เราอาจเห็นนักลงทุนสายเก็งกำไรจำนวนมากกลับมาที่ตลาดสกุลเงินดิจิทัลแห่งนี้
หากเลยจุดนี้ไป เราอาจจะได้เห็นคริปโตทำนิวไฮ
ตลอดชีวิตลงทุนสี่ทศวรรษของผม ไม่เคยเห็นตลาดลงทุนคลั่งไคล้อะไรที่เหมือนกับตลาดสกุลเงินดิจิตอล ที่ยึดครองตลาดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ช่วงแรกๆ ผมก็เชื่อว่าที่แห่งนี้คือแหล่งเก็งกำไร ก่อนที่จะมายอมรับและเคารพในอุดมการณ์เสรีนิยม ที่ต้องการคืนการควบคุมระบบการเงินให้กับปัจเจกบุคคลคนธรรมดาอย่างเราๆ ที่รัฐบาลพรากไปเมื่อไม่นานมานี้
สกุลเงินเฟียตได้รับค่านิยมจากความเชื่อมั่นและเครดิตของรัฐบาล ที่ออกประกาศตราให้ใช้ชำระหนี้ได้โดยที่รัฐบาลเป็นผู้อนุมัติ ธนาคารกลาง และหน่วยงานด้านการเงินควบคุมกระเป๋าเงินของพวกเรา ในขณะที่พวกเขาอ้างว่าการยักย้ายถ่ายเทเงินเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและเพื่อ "ปกป้องประชาชน" การรักษาอำนาจและการควบคุมยังคงเป็นหัวใจของสถานะที่รัฐบาลยังเป็นอยู่ และไม่ต้องการให้เกิดตัวกลางการและเปลี่ยนใหม่ขึ้นมาแทนที่
ความศรัทธาและเครดิตที่มีมากล้นของรัฐได้จางหายไปเมื่อหนี้รัฐบาลพุ่งสูงขึ้น เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น และโพลชี้ให้เห็นถึงความไม่พอใจในหมู่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งและประชาชนทั่วไป ผู้คนที่เข้าใจในระบบการเงิน จากความเข้าใจในตลาดคริปโตฯ ปฏิเสธการควบคุมของรัฐบาลอยู่แล้ว พวกเขามองว่าสกุลเงินเฟียตและตลาดอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันมีความเกี่ยวข้องกับการเมืองมากเกินไป เรื่องของการเงินควรปล่อยให้เป็นเรื่องของตลาดเสรี
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงพื้นฐานของสินทรัพย์คริปโตฯ คือการแบ่งแยกทางอุดมการณ์ และคงเป็นเรื่องยากมากที่รัฐบาลจะยอมปล่อยอำนาจทางการเงิน ให้กลับมาอยู่ในมือของปัจเจคบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านคริปโตฯ อย่างไรก็ตาม การเติบโตของโลกสกุลเงินดิจิทัลไปสู่สินทรัพย์มูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์เป็นสัญญาณว่าการต่อสู้ทางเสรีภาพทางการเงินจะไม่หายไปในเร็วๆ นี้
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมจะไม่แปลกใจเลยที่เห็น บิทคอยน์ อีเธอเรียม และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ในปี 2022 จะสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ตลอดเวลา แต่ในขณะเดียวกัน ความผันผวนจะยังคงดำเนินต่อไป การแบ่งแยกระหว่างกลุ่มสินทรัพย์โลกเสรีและรัฐบาลหมายความว่านักลงทุนจะต้องใช้ความระมัดระวัง และมีวินัยในการลงทุนสูง อย่าลงทุนในสินทรัพย์ที่ตัวเองไม่พร้อมจะเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสกุลเงินดิจิทัล