รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ปัจจัยกดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ สัปดาห์นี้: เงินเฟ้อ รัสเซียยูเครน และรายงานการประชุมเฟด

เผยแพร่ 14/02/2565 10:39
อัพเดท 02/09/2563 13:05

ตามความเห็นของเรา ไม่คิดว่าปัจจัยกดดันตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาจะมีอะไรเปลี่ยนไป ซ้ำร้ายปัจจัยกดดันเหล่านั้นอาจจะยิ่งทวีความรุนแรง เพิ่มความผันผวนให้กับตลาดลงทุน การสนทนาสายตรงระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดนและผู้นำรัสเซียวลาดิเมียร์ ปูติน เมื่อวันเสาร์ไม่มีความคืบหน้าใดเกิดขึ้น และที่ร้ายไปกว่านั้นคือนอกจากอเมริกาที่สั่งให้ประชาชนของตนออกจากยูเครน ตอนนี้สหราชอาณาจักรก็ได้มีการดำเนินการตามสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน

การเทขายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สะท้อนมุมมองที่นักลงทุนมีต่อตลาดลงทุนได้เป็นอย่างดี ภายในช่วงเวลาที่รายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเริ่มหมดความน่าสนใจ กลับมาเกิดเหตุการณ์ที่ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) หรือมาตรวัดเงินเฟ้อทะยานขึ้นสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 1982 โดยที่ตัวเลข CPI ประจำเดือนมกราคมปรับตัวขึ้นอีก 0.6% ทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อแบบปีต่อปีเพิ่มขึ้นเป็น 7.5% ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ก็ปรับตัวขึ้น 6% เอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้ด้วยเช่นกัน

ในขณะเดียวกัน อัตราค่าจ้างที่แท้จริงของสหรัฐฯ ก็ปรับตัวขึ้น 0.1% และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่ปรับตัวลดลงมาเป็น 223,000 คนจากตัวเลขคาดการณ์ 230,000 คน ได้สนับสนุนปัญหาเงินเฟ้อให้รุนแรงขึ้น แน่นอนว่าการจ้างงานเพิ่มขึ้น และคนตกงานลดลงถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ปัจจัยสนับสนุนเชิงบวกเช่งนั้นแต่เดิมก็ถือว่าเป้นเงินเฟ้ออ่อนๆ เมื่อผู้คนทำงานเพื่อต้องการค่าจ้างที่มากขึ้น ก็จะเป็นการเพิ่มราคาสินค้าไปในตัวด้วย

ถึงแม้ว่าในเดือนก่อน ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะได้ออกมาพูดว่าจำนวนครั้งในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจไม่ได้มากอย่างที่ตลาดกำลังประเมินกันอยู่ในตอนนี้ แต่คำถามก็คือเมื่อเห็นตัวเลข CPI ออกมาสูงขนาดนี้ พวกเขาจะยังรักษาสัญญานั้นเอาไว้ได้อีกหรือ? ความคิดเช่นนี้ยิ่งมีแต่ทำให้นักลงทุนขาขึ้นเกิดความลังเล ที่จะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยิ่งตัวเลขเงินเฟ้อสูงมากเท่าไหร่ ตลาดยิ่งเชื่อว่ามีโอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบรุนแรงมากเท่านั้น และหากแรงเกินไป ผลกระทบอาจกลายเป็นว่าทำให้เศรษฐกิจอเมริกาเข้าสู่ภาวะถดถอยรวดเร็ว และนั่นก็อาจจะนำไปสู่การเทขายในตลาดหุ้นครั้งใหญ่

ความลังเลของนักลงทุนในตลาดตอนนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเราจะเห็นดัชนีหลักทั้งสี่ไม่ว่าจะเป็นเอสแอนด์พี 500  แนสแด็ก ดาวโจนส์และรัสเซล 2000 ร่วงลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และดัชนีที่ร่วงลงหนักที่สุดคือแนสแด็ก 100 ที่ร่วงลงมากถึง 3.07% อันดับที่สองตกเป็นของเอสแอนด์พี 500 ด้วยขาลง 1.9% ตามมาด้วยอันดับสามอย่างดัชนีดาวโจนส์ 1.43% และรัสเซล 2000 ลงน้อยที่สุด 0.89% กลุ่มหุ้นที่ร่วงลงมากที่สุดคือเทคโนโลยี 3.05% ส่วนกลุ่มที่ขึ้นมาที่สุดคือพลังงาน 2.91% NDX Daily

ภาพของหุ้นวัฐจักรที่กลับมาเติบโตสวนทางกับหุ้นกลุ่มเทคฯ นั้นเกิดมาตั้งแต่เริ่มต้นปี 2022 จนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่านักลงทุนทุกคนจะทราบดีอยู่แล้ว แต่เมื่อได้พิจารณากราฟดัชนีแนสแด็ก 100 ก็จะพบว่าความจริงนี้ยิ่งดูสมจริงมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อการวิเคราะห์ทางเทคนิคชี้ให้เห็นว่ารูปแบบหัวไหล่ (Head & Shoulder) ที่แนสแด็ก 100 ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ขาลงที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุดแสดงให้เห็นว่าบริเวณไหล่ขวากำลังจะเสร็จแล้ว ยิ่งเป็นการหลุดกรอบรูปธงขาขึ้น และเส้น neckline ลงมา ยิ่งชัดเจนมากว่าขาลงมีกำลังมากมายมหาศาล UST 10Y Daily

ตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาทำให้นักลงทุนตกใจ และหันไปลงทุนกับสินทรัพย์สำรองที่คิดว่าปลอดภัย หนึ่งในนั้นก็คือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ขาขึ้นเกิน 2% ของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีต้องกลับลงมาวิ่งอยู่ที่ 1.9% อีกครั้ง  จากรูปขาลงครั้งนี้อาจพาราคาให้ลงมาทดสอบกรอบสามเหลี่ยมสมมาตร ที่ทะลุขึ้นไปอีกครั้ง หากเป็นเช่นนี้ ตามการวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้ว มีโอกาสที่จะกลายเป็นการย่อเพื่อสร้างขาขึ้นต่อไปในอนาคต 

การแห่ไปถือครองพันธบัตรรัฐบาลและความเป็นไปได้ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย ยิ่งทำให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเป็นวันที่สองติดต่อกัน ที่น่าตกใจก็คือขาขึ้นครั้งนี้ เกิดขึ้นพร้อมกันกับทองคำGold Daily

แรงกดดันตลาดลงทุนจากเรื่องรัสเซียและยูเครนทำให้ทองคำปรับตัวขึ้นเป็นวันที่หกติดต่อกัน แต่สาเหตุที่ขาขึ้นของทองคำต้องรูดกลับลงมาเป็นเพราะขึ้นไปเผชิญแนวต้านหลักที่ $1,860 แล้วยังไม่มีแรงส่งที่มากเพียงพอ

หลังจากถูกเทขายมาพักใหญ่ ขาขึ้นของราชาสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์รอบนี้ดูเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น

BTC/USD Daily

สิ่งที่นักลงทุนควรให้ความสนใจกับราคาบิทคอยน์ในตอนนี้ไม่ใช่ว่าราคาจะขึ้นไปได้ไกลแค่ไหน แต่หากต้องย่อลง จะกลายเป็นขาลงต่อจากเดิมหรือไม่ และถ้าเป็นเพียงการย่อจริง จะลงมาที่เท่าไหร่ ระดับแนวรับที่ขาขึ้นรอบนี้ไม่ควรเสียคือการลงมาต่ำกว่า $40,000

สถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทำให้ราคาน้ำมันเมื่อวันศุกร์ปรับตัวขึ้นอีก สรุปว่าสัปดาห์ที่แล้วราคาน้ำมันวิ่งขึ้นมามากกว่า 3% สร้างจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 กันยายนปี 2014

ข่าวเศรษฐกิจสำคัญประจำสัปดาห์นี้ (เวลาทั้งหมดคำนวณเป็น EDT)

วันจันทร์

11:15 (ยูโรโซน) - ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางยุโรป

18:50 (ญี่ปุ่น) - รายงานตัวเลข GDP: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก -0.9% เป็น 1.4% QoQ

19:30 (ออสเตรเลีย) รายงานการประชุมของธนาคารกลางออสเตรเลีย

 

วันอังคาร

02:00 (สหราชอาณาจักร) รายงานจำนวนคนว่างงานที่ใช้สิทธิประโยชน์จากการว่างงาน: เคยเพิ่มขึ้นจาก -43.3K เป็น -36.2K

05:00 (เยอรมัน) รายงานตัวเลขความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ (ZEW): คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 51.7 เป็น 53.5

08:30 (สหรัฐฯ) ดัชนีราคาผู้ผลิต: คาดว่าจะในเดือนมกราคมเพิ่มขึ้นจาก 0.3% เป็น 0,5% MoM 

 

วันพุธ

02:00 (สหราชอาณาจักร) ดัชนีราคาผู้บริโภค: คาดว่าตัวเลขในเดือนมกราคมจะคงที่ 5.4%

08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขยอดค้าปลีกพื้นฐาน: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก -2.3% เป็น 0.8% MoM

08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขยอดค้าปลีก: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก -1.9% เป็น 1.8% MoM

08:30 (แคนาดา) ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน: คาดว่าจะลดลงจาก 4.0% เป็น 3.5% YoY

10:30 (สหรัฐฯ) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง: สัปดาห์ก่อนออกมาอยู่ที่ -4.756M Bbl

14:00 (สหรัฐฯ) รายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ

19:30 (ออสเตรเลีย) รายงานตัวเลขการจ้างงาน: คาดว่าจะลดลงจาก 64.8K เป็น -15.0K

 

วันพฤหัสบดี

08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขการอนุญาตก่อสร้าง: คาดว่าจะลดลงจาก 1.885M เป็น 1.750M

08:30 (สหรัฐฯ) ดัชนีภาคการผลิตจากเฟดฟิลาเดเฟีย: คาดว่าจะลดลงจาก 23.2 เป็น 20.2

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

 

วันศุกร์

08:30 (แคนาดา) รายงานตัวเลขยอดค้าปลีกพื้นฐาน: คาดว่าจะลดลงจาก 1.1% เป็น -2.3%

10:00 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขยอดขายที่อยู่อาศัยมือสอง: คาดว่าจะลดลงจาก 6.18M เป็น 6.12M

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย