การเติบโตขึ้นของสภาวะเงินเฟ้อทำให้ผู้คนให้ความสนใจกับการประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐอเมริกามากขึ้น จากเดิมที่เรามักจะเห็นว่านักลงทุนจะให้ความสำคัญเฉพาะตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (NFP) ในสัปดาห์แรหของเดือนใหม่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่วันนี้กลายเป็นว่านักลงทุนให้ความสนใจกับตัวเลขเงินเฟ้อ ไม่ต่างจากตัวเลขการจ้างงานเลย
จากการที่ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนธันวาคมออกมาอยู่ที่ 7.0% สูงที่สุดในรอบ 40 ปี มาวันนี้นักวิเคราะห์มองว่ามีโอกาสที่ตัวเลขจะขยับขึ้นไปอีกเป็น 7.3% ยิ่งตัวเลขเงินเฟ้อขึ้นมากเท่าไหร่ ยิ่งส่งผลต่อความคาดหวังในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ มากเท่านั้น หากตัวเลขที่ออกมาต่ำกว่า 7.3% อาจทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ที่เข้าใกล้จุดสูงสุดในรอบสองปี ปรับตัวลดลง และส่งให้ดัชนีหลักของอเมริกาอย่างเอสแอนด์พี 500 และดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น ถ้ายิ่ง CPI ออกมาสูงเกินคาดการณ์ก็อาจจะทำให้ดัชนีแนสแด็กสร้างขาขึ้น หลังจากปีนี้ลงไปแล้ว 10%
คำถามก็คือแล้วสินทรัพย์คานเงินเฟ้ออันดับหนึ่งอย่างทองคำจะวิ่งไปในทิศทางไหน?
ที่มา: skcharting.com
นักวิเคราะห์บางคนคิดว่าหากจะให้ทองคำทะยานขึ้นในฐานะสินทรัพย์คานเงินเฟ้อ อาจจะรอให้ตัวเลข CPI ที่จะประกาศในวันนี้ทะยานขึ้นมากกว่า 7.5% หรือสูงกว่าตัวเลขในเดือนก่อนหน้า แต่ปัญหาที่เราเห็นในตอนนี้มาเป็นเดือนแล้วก็คือตอนนี้ตัวเลขเงินเฟ้อกลับทำให้ตลาดพันธบัตรถูกเทขาย ทั้งๆ ที่ในช่วงแรก CPI เคยทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีและดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ซึ่งทั้งสองตลาดนี้ต่างเป็นปรปักษ์กับราคาทองคำ
เพราะฉะนั้น การประกาศตัวเลข CPI ในวันนี้ทำให้ผมต้องกลับมาถามคำถาม ที่เคยถามเอาไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วตอนประกาศตัวเลขการจ้างงานว่า “แนวรับ $1,800 จะสามารถทำหน้าที่เป็นแนวรับได้อีกครั้งหรือไม่หลังจากที่เอาชีวิตรอดมาจากตัวเลขการจ้างงานฯ ในสัปดาห์ก่อนมาแล้ว?”
ตั้งแต่วันที่มีการประกาศตัวเลขการจ้างงานฯ ในวันศุกร์ที่แล้ว จนถึงวันนี้ ราคาทองคำสามารถยืนเหนือ $1,800 ได้ ทั้งๆ ที่การจ้างงานในเดือนมกราคมเพิ่มขึ้นจาก 125,000 ตำแหน่งเป็น 467,000 ตำแหน่ง ภาพรวมการฟื้นตัวของสหรัฐอเมริกาค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในเดือนธันวาคมลดลงจาก 4.0% ลงมาเป็น 3.9% แม้ว่าอัตราการว่างงานจะขยับขึ้นมาเล็กน้อยเป็น 4.0% แต่ก็ถูกชดเชยไปด้วยตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น
จากการหดตัวทางเศราฐกิจในปี 2020 ที่ 3.5% ตอนนี้อเมริกาสามารถฟื้นกลับขึ้นมาเติบโตได้ 5.7% แต่นั่นก็ยังไม่เร็วเท่าการเติบโตของเงินเฟ้อ เพราะตัวเลข 7% ต่อปีนั้นสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1982
ในปี 2021 เรามักจะได้ยินเฟดพูดเน้นย้ำอยู่เสมอว่า “จะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินใดๆ จนกว่าการจ้างงานจะกลับมา” ด้วยสถานการณ์เงินเฟ้อตอนนี้ ประกอบกับการจ้างงานที่กลับมาแล้ว จึงเข้าทางตามตำราของเฟด เปิดทางให้กับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และถ้าเกิดการขึ้นดอกเบี้ยเมื่อไหร่ นั่นคือข่าวดีของตลาดพันธบัตรและสกุลเงินดอลลาร์ แต่ไม่ใช่กับทองคำ
สำหรับความเป็นไปได้ในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยตอนนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าจะได้เห็นการขึ้นดอกเบี้ยห้าครั้ง ตั้งแต่เดือนมีนาคมไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน แต่สิ่งที่ไม่มีใครกล้าฟันธงคือจะเพิ่มขึ้นครั้งละเท่าไหร่ ตัวเลขล่าสุดที่มีมากที่สุดในตอนนี้คือ 25 จุดเบสิส หากตัวเลข CPI ในวันนี้สูงขึ้นมากกว่า 7% ข่าวนี้จะทำให้อัตราผลตอบแทนฯ และดอลลาร์ขึ้นก่อน สวนทางกับทองคำที่ร่วงลง ก่อนที่ทองคำอาจจะต้องใช้เวลาอีกวันสองวัน ถึงจะเริ่มคิดได้ว่า “เราเป็นสินทรัพย์คานเงินเฟ้อนี่นา CPI เพิ่ม เราก็ต้องเพิ่มขึ้นตามสิ”
ทำไมถึงจะเป็นเช่นนั้น?
เพราะว่ายิ่งตัวเลข CPI สูงมากเท่าไหร่ นั่นย่อมหมายถึงความเป็นไปได้ที่เฟดอาจอัดยาแรงตั้งแต่การขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนหน้า จาก 25 จุดเบสิสอาจกลายเป็น 50 จุดเบสิส ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ทองคำอาจจะทรุด แต่อาจจะลงไปไม่เกิน $1,778 เนื่องจากมีปัจจัยหนุนในเรื่องความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนหนุนอยู่
Sunil Kumar Dixit หัวหน้านักยุทธศาสตร์ด้านเทคนิคของ skcharting.com วิเคราะห์สถานการณ์ของตลาดทองคำว่า
“ระดับราคา $1,830 ที่ทองคำสามารถขึ้นไปสัมผัสได้ถือเป็นระดับที่ปลอดภัยต่อการร่วงลงแล้ว เพราะถ้าวัดด้วยเครื่องมือ Fibonacci จากกรอบราคา $1,853 ถึง $1,780 จะพบว่าราคาทองคำตอนนี้อยู่เหนือระดับ 50% กับ 61.8% หรือที่ $1,817 และ $1,825 แนวรับเหล่านี้มีโอกาสดันราคาทองคำให้สามารถกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน $1,853 ได้ทั้งสิ้น และถ้าขาขึ้นระลอกนี้แข็งแรงพอ มีโอกาสที่เราจะได้เห็นทองคำขึ้นไปสูงถึง $1,860 หรือ $1,877”
“สำหรับขาลง” เขากล่าวต่อ “ถ้าทองคำไม่สามารถยืนเหนือระดับราคา $1,817 ได้ มีโอกาสที่ราคาจะลงไปถึงกรอบราคา $1,808 - $1,797 ได้อย่างรวดเร็ว วันนี้ทองคำต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการยืนเหนือโซนราคา $1,830 - $1,835 ให้ได้ จึงจะถือว่ารอดพ้นความเสี่ยงที่จะถูกขาลงกดดันอีกครั้ง”
“ถ้าถามผมว่าตัวเลข CPI เท่าไหร่จะดีที่สุดสำหรับทองคำ” เขากล่าวปิดท้าย “ตัวเลขในวันนี้ต้องออกมา 7.3% ขึ้นไป แต่ตราบใดที่ทองคำยังมีเงินเฟ้อและความขัดแย้งรัสเซียยูเครนเป็นธีมสนับสนุนหลัก ไม่ว่าวันนี้ CPI จะออกมาอย่างไร ทองคำก็ยังมีโอกาสขึ้นไปยังโซนราคา $1,853- $1,877 ได้อยู่ดี”