🥇 กฎข้อแรกของการลงทุนหรือ? รู้ว่าเมื่อใดควรประหยัด! รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ก่อนโปรโมชั่น BLACK FRIDAY จะหมดเขตรับส่วนลด

สกุลเงินดิจิทัลคือสินทรัพย์ที่จะให้คุณค่าในอนาคตหรือจะเป็นหายนะของการลงทุนกันแน่?

เผยแพร่ 04/02/2565 10:30
อัพเดท 09/07/2566 17:31
US500
-
DX
-
BRKa
-
BTC/USD
-
ETH/USD
-

เคยมีคำเขียนเอาไว้ว่า “การที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งจะมีมูลค่าขึ้นมาได้ มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้ให้คุณค่ามัน” ถ้าหากรัฐบาลไม่ได้กำหนดให้สกุลเงินประจำชาติเป็นสิ่งถูกกฎหมาย เงินที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ก็เป็นเพียงกระดาษใบหนึ่ง ถ้าเราไม่ให้คุณค่ากับทองคำ และยกให้เป็นสินทรัพย์สำรองปลอดภัย ทองคำก็เป็นเพียงแร่โลหะสีทองมันวาวเท่านั้น

การเลือกลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ก็มีเหตุผลรอบรับคล้ายๆ กัน ถึงแม้ว่าชาร์ลี มังเกอร์ เพื่อนของวอร์เรน บัฟเฟต และเป็นรองประธานบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ (NYSE:BRKa) จะมองว่าควรลงทุนในหุ้นจีน และไม่ควรจะสนับสนุนสกุลเงินดิจิทัล แต่นักลงทุนหลายคนก็ปฏิเสธความเห็นของเขา และทำให้ตรงกันข้าม ถึงแม้ว่าตลาดคริปโตจะมีความผันผวน และไม่ได้อ้างอิงปัจจัยพื้นฐานในการเคลื่อนไหวแต่ แต่ความนิยมในบิทคอยน์ อีเธอเรียมหรือสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ก็ได้ทำให้ตลาดแห่งนี้มีสกุลเงินดิจิทัลรวมกันมากกว่า 17,260 สกุลเงินไปแล้ว 

นอกจากการถือครองสกุลเงินดิจิทัลเพื่อหวังผลกำไร ยังมีบางคนที่เลือกลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลเพื่อเป็นการสนับสนุนแนวคิดตลาดการเสรี แบบที่ระบบการเงินควรเป็น ไม่อยู่ในมือรัฐบาล ที่สามารถสั่งให้สกุลเงินเฟียตหมดค่าเมื่อไหร่ก็ได้ นี่คือการต่อสู้ทางความคิดเกี่ยวกับการตั้งมาตรฐานของสิ่งที่ควรจะเป็นตัวกลางการแลกเปลี่ยนของโลกอย่างแท้จริง 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นักลงทุนทั้งสองฝั่งต้องยอมรับคือการขึ้นลงของสกุลเงินดิจิทัล มีทั้งปีที่เติบโตอย่างมหาศาล ทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ อย่างเช่นปี 2021 และก็ต้องยอมรับเช่นกันว่ามีปีที่สกุลเงินดิจิทัลไม่แม้แต่จะคิดพยายามปรับตัวกลับขึ้นมาเลยอย่างเช่นในปี 2022 จนถึงปัจจุบัน ในบทความนี้ เราจะพาไปดูความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดขึ้นกับตลาดสกุลเงินดิจิทัลในปี 2022

สถานการณ์ที่ 1: การปรับฐานต่อเนื่องเปิดโอกาสให้เหล่าสาวกหาจุดเข้าช้อนซื้อ

ใครก็ตามที่เชื่ออย่างสนิทใจว่าสกุลเงินดิจิทัลจะก้าวขึ้นมาเป็นสินทรัพย์หลักในอนาคต เชื่อได้เลยว่าพวกเขาจะต้องชอบสถานการณ์ของตลาดลงทุนในเวลานี้อย่างแน่นอน การส่งสัญญาณที่กำกวมออกมาอยู่ตลอด ทำให้เกิดเป็นช่วงเวลาของการปรับฐานครั้งใหญ่ จากจุดสูงสุดตลอดกาลในวันที่ 10 พฤศจิกายน

BTC/USD Daily Chart.

ที่มา: Barchart

รูปด้านบนนี้คือกราฟบิทคอยน์รายวันที่ขึ้นไปสร้างสุดสูงสุดตลอดกาลที่ $68,906 ในวันที่ 10 พฤศจิกายน ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมาทำราคาปิดที่ $64,246.65 ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของวันก่อนหน้านั้น

ETH/USD Daily Chart.

ที่มา: Barchart

รูปด้านบนนี้คือกราฟอีเธอเรียมรายวันที่ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลในวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ $4,865.426 ก่อนที่วันต่อมา จะทำราคาปิดแท่งต่ำกว่าเดิมที่ $4,553.094

สิ่งที่เหมือนกันระหว่างกราฟบิทคอยน์และอีเธอเรียมก่อนจะปรับตัวลงคือการสร้างจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่าจุดปิด ของแท่งเทียนที่สร้างจุดสูงสุดตลอดกาล จากจุดนี้คือการสร้างขาลงยาวมาจนถึงปัจจุบัน และสำหรับคนที่ต้องการช้อนซื้อ นี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมมาก

สถานการณ์ที่ 2: การช้อนซื้อคือกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมที่สุด

ความผันผวนเป็นพรและคำสาป ความแปรปรวนของราคาที่รุนแรงอาจเป็นฝันร้ายสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความสม่ำเสมอ แต่จะสร้างโอกาสมากมายให้กับนักลงทุนที่ชอบทำกำไรจากความผันผวนการปรับฐานไม่ใช่เรื่องใหม่ในตลาดสกุลเงินดิจิตอล อย่างไรก็ตาม เมื่อมันเกิดขึ้น ตลาดจะผันผวนอย่างน่ากลัว จากปี 2021 ถึงต้นปี 2022 เราได้เห็นบิทคอยน์และอีเธอเรียมฟื้นตัวที่น่าเหลือเชื่อสองครั้ง และพักฐานลงลึกทั้งสองครั้ง

ETH/USD Daily Chart.

ที่มา: Barchart

กราฟรูปนี้คืออีเธอเรียมรายวันที่สวิงขึ้นลงอย่างรุนแรงของครั้งมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2020 พฤติกรรมราคาได้สร้างชุดของจุดต่ำสุด และสูงสุดที่ยกตัวขึ้นเรื่อยๆ แสดงให้เห็นถึงเทรนด์ขาขึ้น สำหรับตอนนี้ หากอยากให้เทรนด์ขาขึ้นรักษาทรงของเทรนด์ได้ต่อไป อีเธอเรียมต้องยืนเหนือ $1,700 ให้ได้ ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ราคาอีเธอเรียมยังสามารถยืนเหนือ $2,673.50 สูงกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้าที่ $2,163.316

BTC/USD Daily Chart.

ที่มา: Barchart

กราฟบิทคอยน์ก็แสดงพฤติกรรมของราคาที่คล้ายๆ กับอีเธอเรียม แนวรับสำคัญสำหรับบิทคอยน์คือ $28,900 ตราบใดที่ยังยืนเหนือแนวรับนี้ ขาขึ้นของบิทคอยน์ก็ยังมีหวัง ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ราคาบิทคอยน์ยังมีราคาซื้อขายอยู่ที่ $37,000 โดยประมาณ

สถานการณ์ที่ 3: สกุลเงินเฟียตไม่สามารถทำหน้าที่ของมันได้อย่างเดิม

อุดมคติทางอุดมการณ์ของสหุลเงินดิจิทัลคือการเป็นตัวกลางการแลกเปลี่ยน โดยที่ไม่ใช่สกุลเงินที่เราคุ้นเคย สกุลเงินอย่างดอลลาร์สหรัฐ ยูโร ปอนด์ เยน หยวนจีน และสกุลเงินอื่น ๆ ในระบบการเงินโลกได้มูลค่ามาจากความเชื่อมั่นและเครดิตของรัฐบาล ที่ออกกฎหมายบังคับให้ประชาชนภายในพื้นที่ต้องใช้งาน เพราะเหตุนี้รัฐบาลจึงสามารถแทรกแซงสกุลเงินของตนเพื่อให้เกิดเสถียรภาพ (แบบที่ตัวเองเห็นควร) ได้

การติดตามความเคลื่อนไหวในตลาดสกุลเงินในบางครั้งก็เหมือนกับเป็นภาพลวงตา เนื่องจากตลาดมีแนวโน้มที่จะวัดมูลค่าของสกุลเงินหนึ่งเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น เพราะดัชนีดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2020 สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะตลาดเชื่อว่ามีแนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐจะสูงขึ้น และจะเป็นการเพิ่มมูลค่าของเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ 

การวัดค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและสกุลเงินเฟียตอื่นๆ หรือเทียบกับสินทรัพย์อื่น ๆ ทำให้เราได้เห็นเรื่องที่น่าสนใจ ความสามารถในการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นลงของธนาคารกลาง และการเทเงินเข้าระบบผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงการระบาดใหญ่ได้จุดชนวนให้เกิดเงินเฟ้ อที่ทำลายมูลค่าเงินเฟียตทั้งหมด ในขณะที่ความเชื่อมั่นและเครดิตในรัฐบาลลดลง สกุลเงินดิจิทัลกลับกำลังเสนอทางเลือกอื่น

การเพิ่มขึ้นของจำนวนสกุลเงินดิจิทัลในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเป็นตัวชี้วัดความเชื่อมั่นที่ลดลงและการเสื่อมค่าของเงินรัฐบาล เพราะมูลค่าของสกุลเงินคริปโตฯ มาจากการเสนอราคาซื้อและขายในตลาดเท่านั้น โดยไม่มีธนาคารกลางหรือรัฐบาลแทรกแซง แนวคิดเสรีนี้สะท้อนให้เห็นถึงการวางแนวทางแบบเสรีนิยมทางการเงินใหม่ ที่ต้องการแยกระบบการเงินออกจากมือของรัฐบาล เมื่อสกุลเงินมีมูลค่าลดลง คุณค่าของสกุลเงินดิจิทัลก็จะเพิ่มขึ้น

สถานการณ์ที่ 4: รัสเซีย จีน และอีกหลายๆ ประเทศไม่ต้องการให้มีสกุลเงินดิจิทัลอยู่บนโลกนี้

จากข้อความข้างต้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากรัฐบาลจะมองว่าสกุลเงินดิจิทัลเป็นภัยต่อความมั่นคง เพราะแต่ไหนแต่ไร เรื่องการเงินก็เป็นฐานอำนาจและเป็นเสภียรภาพอย่างหนึ่งของรัฐบาล เพราะภาครัฐสามารถควบคุมประชาชนผ่านเงินที่พวกเขาอนุมัติให้ใช้ภายในประเทศ การทำเช่นนั้นอาจฟังดูเหมือนเป้นเรื่องสะดวกในมือของของทั้งภาครัฐและผู้ใช้งาน แต่รู้หรือไม่ว่าภาครัฐสามารถยึดเงินของคุณได้ทันที หากพวกเขามีเหตุผล (ในมุมของพวกเขา) ให้ทำเช่นนั้น และคริปโตฯ ที่ต้องการจะมอบอำนาจทางการเงินให้กลับไปอยู่ในมือของประชาชนคือความท้าทายอำนาจรัฐเป็นอย่างยิ่ง

จีนและรัสเซียไม่ชอบสกุลเงินดิจิทัล พวกเขาห้ามซื้อขายและลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนใช้เทคโนโลยีบล็อคเชนและอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการเปิดตัวหยวนดิจิทัล ในสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป รัฐบาลต่างๆ กำลังพยายามดำเนินโครงการสร้างสกุลเงินดิจิทัลอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็แสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้สกุลเงินดิจิทัลอย่างผิดกฎหมายและความเสี่ยง "เชิงระบบ" ในอนาคตที่อาจเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่ความกังวลที่แท้จริงคือสกุลเงินดิจิทัลท้าทายการควบคุมปริมาณเงินและอำนาจ

สถานการณ์ที่ 5: สภาวะที่ตลาดลงทุนไม่กล้าเสี่ยงทำให้นักเก็งกำไรกลัวตามไปด้วย

เชื่อว่าตอนนี้นักลงทุนทุกคนคงจะทราบธีมการลงทุนในปี 2022 แล้ว ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าหนึ่งครั้ง การกระทำเช่นนี้จะทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า คงจะหันไปลงทุนกับพันธบัตรรัฐบาล กดดันทั้งตลาดหุ้น และสินทรัพย์ทางเลือกต้องปรับตัวลดลง เพราะบรรยากาศการลงทุนจะทำให้เชื่อว่าลงทุนกับรัฐบาลให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า

การสวิงขึ้นลงมักจะนำราคาสินทรัพย์ไปสู่ระดับที่ท้าทายการวิเคราะห์เชิงตรรกะและเหตุผล การระบุว่าอะไรปัจจัยพื้นฐาน ที่ส่งผลต่อคริปโตเคอเรนซียังคงเป็นเรื่องยาก ทำให้ตลาดแหง่นี้มีความอ่อนไหวสูงต่อการร่วงลงของราคาฉับพลันในช่วงที่ไม่มีใครลงทุนกับสินทรัพย์เสี่ยง ในช่วงเวลาอย่างนี้นักเก็งกำไรจะซ่อนอยู่ในสินทรัพย์หลบภัย เช่น ดอลลาร์สหรัฐ พันธบัตร และสินทรัพย์สำรองอื่นๆ ที่สามารถมีราคาเพิ่มขึ้นได้

การปฏิวัติฟินเทคจะยังคงท้าทายระบบการเงินยุคเก่า แม้ว่ารัฐบาล ธนาคารกลาง และสถาบันการเงินจะยังคงควบคุม แต่การถือกำเนิดขึ้นของสกุลเงินดิจิทัลอาจเป็นแรงผลักดันให้ภาครัฐยอมรับการปฏิวัติ แต่รากฐานทางอุดมการณ์ของสกุลเงินดิจิทัลที่ปฏิเสธการควบคุมของรัฐบาล ทำให้เกิดการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างกลุ่มกลุ่มที่ศรัทธาในระบบการเงินของรัฐบาล และกลุ่มเสรีนิยมที่ลงทุนกับสกุลเงินดิจิทัลเพื่อหวังว่าจะเป้นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงระบบการเงินนี้

สุดท้ายแล้วในความคิดของผม การถือสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัลควรมองให้เป็นอะไรที่มากกว่าเรื่องของการทำกำไรและขาดทุน การมีอยู่ของสกุลเงินบิทคอยน์มาตั้งแต่ปี 2009 มาจนถึงวันนี้ก็มีอายุ 13 ปีแล้ว ไม่ว่าคุณจะคิดว่าการถือคริปโตฯ จะเป็นอนาคตหรือหายนะ แต่การมีสกุลเงินดิจิทัลเอาไว้ในพอร์ตบ้างก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไร เมื่อเทียบกับเงินเฟ้อที่กำลังกัดกินมูลค่าของเงินคุณในธนาคารแล้ว การเอาไปลงทุนกับสินทรัพย์อื่นยังมีความเสี่ยงที่จะได้กำไรกลับมาบ้าง แต่การวางเงินเอาไว้เฉยๆ ในแบงก์คือการเสียมูลค่าของเงินแบบ 100% แน่นอน

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย