ถึงแม้ว่าความต้องการน้ำมันในสหรัฐอเมริกาจะลดลง และความกังวลที่มีต่อการประชุมนโยบายการเงินครั้งแรกของธนาคารกลางสหรัฐฯ แห่งปี 2022 จะช่วยเป็นแรงกดดันราคาน้ำมัน แต่ปัจจัยเหล่านั้นกลับทำอะไรไม่ได้เลยเมื่อเทียบกับสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่ารัสเซียจะบุกยูเครนเมื่อไหร่ ภายใต้สถานการณ์ที่เต็มไปด้วยคำถามนี้ยิ่งทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
ทองคำเองก็เช่นกัน สินทรัพย์สำรองอันดับหนึ่งของโลกเอาแต่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ราวกับต้องการหนี $1,800 ไปให้ได้ไกลที่สุดก่อนที่ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะส่งให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า และทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลง
สาเหตุที่ทองคำต้องรีบสร้างขาขึ้นให้ได้มากที่สุด เพราะมีความเป็นไปได้สูงที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะออกมาในรูปแบบที่สนับสนุนค่าเงินดอลลาร์ให้แข็งค่า เมื่อสกุลเงินมีมูลค่ามากกว่า ความสำคัญของสินทรัพย์สำรอง แม้แต่ทองคำเอง ก็จะลดลง เหตุผลเดียวที่ตอนนี้ทองคำสามารถปรับตัวขึ้นได้คือโลหะสีทองนี้กำลังคานความเสี่ยงของเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบ 40 ปีให้กับนักลงทุนอยู่
ตั้งแต่เริ่มต้นปี 2022 เป็นต้นมา ราคาน้ำมันดิบ WTI ได้ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 14% ในขณะที่เบรนท์ปรับตัวขึ้นมา 12% ตลอดระยะเวลาห้าสัปดาห์ล่าสุด ราคาน้ำมันได้ปรับตัวขึ้นมาห้าสัปดาห์ติดต่อกันโดยแทบจะไม่ได้หยุดพัก การปรับตัวลงที่มากที่สุดเห็นว่าจะเป็นขาลง 5% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเกิดขึ้นมาจากความกังวลที่มีต่อปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาตลอดในรอบสามสัปดาห์ล่าสุด
Craig Erlam นักวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ OANDA แสดงความเห็นต่อสถานการณ์ของราคาน้ำมันดิบในตอนนี้ว่า
“การย่อตัวลงเมื่อวันศุกร์ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ายิ่งเข้าใกล้ $90 ต่อบาร์เรรลมากเท่าไหร่ ความกังวลก็ยิ่งมีแต่จะสร้างแรงต้านมากขึ้นเท่านั้น นี่คือแนวต้านทางจิตวิทยาที่สำคัญแนวหนึ่ง ตอนนี้นักวิเคราะห์บางคนแทบจะนับถอยหลังรอวันเห็น $100 ต่อบาร์เรลกันแล้ว”
Sunil Kumar Dixit นักวิเคราะห์จากเว็บไซต์ skcharting.com วิเคราะห์ว่าราคาน้ำมันดิบ WTI สามารถทะลุแนวต้าน $85.40 ต่อบาร์เรล ขึ้นไปทดสอบระดับราคา $87 ต่อบาร์เรล นับเป็นจุดสูงสุดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2014 ก่อนที่จะย่อลงมายัง $85.14 ต่อบาร์เรลเพราะการปิดออเดอร์ซื้อขายทำกำไรไปก่อน
“เราอาจจะได้เห็นการผ่อนเครื่องของราคาน้ำมันดิบ ซึ่งนั่นอาจส่งราคาให้ปรับตัวลดลงถึงแนวรับ $82 ต่อบาร์เรล ถ้าหากขาลงนั้นได้รับการตอบสนองต่อเนื่อง มีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลดลงไปถึงแนวรับ $80 ต่อบาร์เรล $78 ต่อบาร์เรล และ $76.50 ต่อบาร์เรลตามลำดับ การขึ้นยืนเหนือ $85.70 ต่อบาร์เรลได้ จะทำให้ขาขึ้นของ WTI มีกำลังมากขึ้น และจะส่งราคาให้ปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ $87, $89 และ $90 ต่อบาร์เรลตามลำดับ” - Sunil กล่าว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานการวิเคราะห์ของ Kazuhiko Saito หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Fujitomi Securities ว่าสาเหตุที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นมาในช่วงนี้หลักๆ เป็นเพราะความตึงเครียดทางการทหารระหว่างรัสเซียและยูเครน และการที่กลุ่มประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมัน (OPEC+) ไม่สามารถผลิตน้ำมันได้ตามโควตา 400,000 บาร์เรล
จากข้อมูลของหน่วยข่าวกรองของสหรัฐอเมริกา ทำให้ตอนนี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนสั่งให้ทูตและครอบครัวที่ประจำอยู่ในยูเครนรีบออกจากประเทศ ทั้งๆ ที่ตอนนี้มีเพียงแต่อเมริกาเพียงประเทศเดียวเท่านั้นที่เชื่อว่ารัสเซียจะบุกยูเครน สำนักข่าว The New York Times ก็มีรายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่าโจ ไบเดนกำลังพิจารณาส่งกองกำลังหลายพันนายไปยังประเทศพันธมิตรในกลุ่ม NATO เพื่อเฝ้าชายแดนยุโรปที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ที่มีความเสี่ยงเข้าสู่สงคราม การกระทำนี้ยิ่งเพิ่มความกังวลให้นักลงทุน ว่าพลังงานต่างๆ ที่ส่งจากรัสเซียมายังยุโรปจะได้รับผลกระทบ
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลอังกฤษก็ได้ออกมาเตือนรัสเซียว่าถ้าหากมีการตั้งผู้นำหุ่นเชิดเข้ามาในประเทศยูเครน รัสเซียจะต้องเผชิญกับการคว่ำบาตรในหลายๆ ด้าน ความร้อนแรงของเหตุการณ์ในตะวันออกกลางก็ไม่ได้ลดลง เมื่อสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์รายงานว่าได้ทำลายแท่นยิงมิสไซล์ของกลุ่มผู้ก่อการร้ายฮูติ (Houthi) ไปเรียบร้อยแล้ว ความตึงเครียดเหล่านี้ ที่มีความเกี่ยวข้องกับประเทศผู้ผลิตน้ำมัน และผู้ใช้งานหลักในยุโรป ย่อมมีแต่จะทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
ข้อมูลจากสำนักบริหารสารสนเทศพลังงานของสหรัฐอเมริกา (EIA) เมื่อวันพฤหัสบดีระบุว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐอเมริกาในสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 6 ล้านบาร์เรล และตลอดระยะเวลาสามสัปดาห์ล่าสุด ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังจาก EIA ปรับตัวขึ้นมาแล้วทั้งหมด 24 ล้านบาร์เรล ความต้องการน้ำมันในอเมริกาที่ลดลง สวนทางกับราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น
ข้อมูลจาก EIA ยังระบุด้วยว่าความต้องการน้ำมัน (แม้แต่เบนซิน) ในสหรัฐอเมริกาหายไปนับตั้งแต่ช่วงวันหยุดปีใหม่ สวนทางกับโรงกลั่นน้ำมันที่เปลี่ยนน้ำมันดิบเป็นน้ำมันเบนซินมากขึ้น เพราะเห็นว่าการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอนเริ่มไม่เป็นที่พูดถึงกันแล้ว
การเพิ่มขึ้นของน้ำมันดิบจาก EIA สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของน้ำมันดิบสหรัฐฯ ครั้งแรกในรอบแปดสัปดาห์ สัปดาห์ที่แล้วน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 515,000 ต่อบาร์เรล หลังจากปรับตัวลดลง 4.55 ล้านบาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ก่อน ในช่วงสามสัปดาห์ล่าสุด น้ำมันดิบคงคลังได้ปรับตัวลดลงมา 6 ล้านบาร์เรล ในขณะที่น้ำมันดิบคงคลังที่ได้รับการกลั่นให้กลายเป็นน้ำมันดีเซลสำหรับรถบรรทุก รถบัส รถไฟและเรือในสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวลดลง 1.431 ล้านบาร์เรล หลังจากเพิ่มขึ้น 2.54 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
ภาพรวมตลาดทองคำประจำสัปดาห์
นอกจากการรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ “FAAMG” สัปดาห์นี้ตลาดลงทุนจะให้ความสำคัญกับการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะเริ่มต้นในคืนนี้และวันพรุ่งนี้มากที่สุด ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นมาเล็กน้อย
สิ่งที่นักลงทุนหวังจะได้เห็นจากการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในครั้งนี้คือข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับการจบโครงการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่จะสิ้นสุดลงในเดือนมีนาคมนี้ และเริ่มประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในสองเดือนนับจากนั้น ตอนนี้นักวิเคราะห์หลายสำนักเห็นตรงกันว่ามีโอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2022 สามครั้ง และแต่ละครั้งจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 25 จุดเบสิส
Fawad Razaqzada นักวิเคราะห์จาก ThinkMarkets แสดงความเห็นต่อการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ครั้งนี้ว่า
“ยิ่งเฟ้อเพิ่มขึ้นรุนแรงมากเท่าไหร่ ยิ่งกดดันให้ธนาคารกลางต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตัวเลขที่คาดไม่ถึงมากเท่านั้น สิ่งที่จะตามมาหากเกิดการขึ้นดอกเบี้ยเร็วเกินไปจะเหมือนกับปลาช็อคน้ำ กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะก้าวผ่านคำว่าชะลอตัว เข้าสู่ภาวะถดถอย นั่นคือเหตุผลว่าทำไมหุ้นบางกลุ่มในปีนี้ถึงทำผลงานได้แย่มาก”
ในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้ ราคาทองคำฟิวเจอร์สบนตลาด COMEX มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $1,837 ต่อออนซ์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาตลอดปี 0.5% สำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค นักวิเคราะห์จาก ThinkMarkets ให้ความเห็นว่า
“ต้องรอดูก่อนว่าทองคำที่ขึ้นมายืนเหนือโซนราคา $1,828 - $1,830 จะสามารถรักษาสถานะของตัวเองเอาไว้บนแนวรับนี้ได้ตลอดหรือไม่ ส่วนแนวต้านระยะสั้น ผมให้เอาไว้ที่ $1,845 แต่ถ้าทองคำเกิดการทะยานขึ้นครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม แนวต้านนี้ก็อาจจะไม่สามารถรั้งราคาทองคำเอาไว้ได้”
อนึ่ง Sunil นั้นวิเคราะห์ทองคำเอาไว้ว่ามีแนวต้านอยู่ที่ $1,860, $1,880, $1,899 และ $1,900 ตามลำดับ