ต้องยอมรับว่าตั้งแต่เริ่มต้นปี 2022 มาจนถึงปัจจุบันนั้นยังไม่ใช่ปีที่สวยงามสำหรับตลาดสกุลเงินดิจิทัลมากเท่าไหร่ แม้แต่สกุลเงินดิจิทัลชื่อดังอย่างบิทคอยน์และอีเธอเรียม ที่ปีที่แล้วเคยสร้างผลตอบแทน 19% และ 163% ตามลำดับ แต่มาปีนี้กลับปรับตัวลดลงไปแล้ว 11% และ 14%
ความผันผวนในตลาดสกุลเงินดิจิทัลนั้นถือเป็นเรื่องปกติ และทุกสกุลเงินมากกว่า 15,000 สกุลเงินต่างก็หวังที่จะได้กลายเป็น “นิวบิทคอยน์และนิวอีเธอเรียม” ให้ได้สักวัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ถึงแม้บิทคอยน์และอีเธอเรียมจะทำขาลง แต่สกุลเงินดิจิทัลอื่นอาจจะสามารถสร้างขาขึ้นได้อยู่เช่น Cardano, Cosmos, ChainLink, Fantom และ Internet Computer แต่ถึงวงการนี้จะเติบโตอย่างไร ก็ยังไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถมีบัญชีเทรดกับโบรกเกอร์ใหญ่ๆ อย่าง ‘คอยน์เบส’ (NASDAQ:COIN) ได้
สำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการจะรับความเสี่ยงจากการลงทุนในคริปโตฯ โดยตรง ทุกวันนี้พวกเขามีทางเลือกในการไปลงทุนกับฟิวเจอร์หรือกองทุน ETF ในบทความนี้เราจะมาแนะนำกองทุน ETF ที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถลงทุนทางอ้อมในบิทคอยน์หรือเทคโนโลยีบล็อกเชนได้ ซึ่งก่อนหน้านี้เราเคยได้แนะนำกองทุนที่ลงทุนในบิทคอยน์กับอีเธอเรียมไปแล้วอย่างเช่น VanEck Bitcoin Strategy ETF (NYSE:XBTF) และ Grayscale Ethereum Trust (OTC:ETHE)
1. ProShares Bitcoin Strategy ETF
ระดับราคาปัจจุบัน: $27.17
กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $24.88 - $44.29
อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.95% ต่อปี
หากยังจำกันได้ ในช่วงปลายปี 2021 ได้มีการเปิดตัวกองทุน ETF แรกของบิทคอยน์ที่มีชื่อว่า ProShares Bitcoin Strategy ETF (NYSE:BITO) แม้จะเคลมว่าตัวเองเป้นกองทุนที่ลงทุนกับบิทคอยน์ แต่แท้จริงแล้ว BITO ไม่ได้ลงทุนกับบิทคอยน์โดยตรง แต่อ้างอิงราคากับตลาดบิทคอยน์ฟิวเจอร์สแทน หมายความว่าการขึ้นลงของราคาในกองทุนจะเป็นไปตามกลไกการควบคุมของผู้จัดการกองทุน ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า ‘Contango’ หรือตลาดสินค้าล่วงหน้า ราคาอนาคตอยู่สูงกว่าราคาปัจจุบัน
หากพิจารณาให้ถี่ถ้วน จะพบว่าการเลี่ยงความเสี่ยงไม่ลงทุนกับตลาดคริปโตฯ โดยตรง แต่มาลงทุนกับ BITO ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะเจอกับ ‘contango risk’ อยู่ดี ที่สามารถเพิ่มความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนถึง 6-9% ต่อปี และเมื่อพิจารณาร่วมกับอัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงานที่ 0.95% ต่อปี ก็ไม่น่าแปลกใจที่ทำให้นักลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์ สตรีทรับทราบว่ามีกองทุน ETF บิทคอยน์แต่ก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร
นอกจากความเป็นไปได้ที่จะเกิด Contango ขึ้นแล้ว ในการลงทุนผ่านฟิวเจอร์สยังมีความเสี่ยงอีกด้านหนึ่งที่เรียกว่า Backwardation อยู่ คำนี้กล่าวถึง สภาวะที่ราคาอนาคตอยู่ตํ่ากว่าราคาปัจจุบันในตลาดสินค้าล่วงหน้า ซึ่งมักจะเกิดในสภาวะตลาดหมี แต่ก็มักจะไม่เกิดขึ้นบ่อยเท่าไหร่
ในวันที่ 19 ตุลาคม BITO มีราคาปิดกองทุนอยู่ที่ $40.88 สร้างจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ $44.29 ก่อนที่จะปรับตัวลดลงเกิด 30% ลงไปทำจุดต่ำสุดที่ $24.88 และดีดตัวกลับขึ้นมาที่ $27.17 ถึงเช่นนั้นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ BITO ก็ยังมีอยู่ที่ $1,100 ล้านเหรียญสหรัฐ ผู้ที่สนใจก็ยังสามารถเลือก BITO เป็นทางเลือกในการลงทุนกับตลาดสกุลเงินดิจิทัลได้ แต่การลงทุนในลักษณะนี้ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน
2. Global X Blockchain ETF
ระดับราคาปัจจุบัน: $20.11
กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $18.55 - $41.25
อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.50% ต่อปี
งานวิจัยจาก PWC ได้เขียนถึงบิทคอยน์และเทคโนโลยีบล็อกเชนเอาไว้ว่า
“บล็อกเชน (Blockchain) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้มีสกุลเงินดิจิตอลที่รู้จักกันดีที่สุดอย่างบิทคอยน์ (Bitcoin) เกิดขึ้น สกุลเงินดิจิทัลเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน เหมือนอย่างเช่น ดอลลาร์สหรัฐ แต่เป็นดิจิทัลและใช้เทคนิคการเข้ารหัสเพื่อควบคุมการสร้างหน่วยการเงิน และเพื่อตรวจสอบการทำธุรกรรม”
ข้อมูลเชิงสถิติที่เก็บข้อมูลกระแสเงินหมุนเวียนในตลาดบล็อกเชนพบว่าในปี 2021 ตลาดแห่งนี้ได้เติบโตไปแล้วถึง $5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น $67,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2026 ถ้าหากคิดเป็นอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) เท่ากับมีอัตราการเติบโตมากกว่า 68% นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้หากคิดจะลงทุนในยุคนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ควรลงทุนกับเทคโนโลยีบล็อกเชนเอาไว้บ้าง
กองทุนที่ลงทุนในบล็อกเชนวันนี้เราขอเสนอ Global X Blockchain ETF (NASDAQ:BKCH) เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนกับธุรกิจที่นำบล็อกเชนมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นสกุลเงินดิจิทัลหรือธุรกิจในรูปแบบอื่นที่บล็อกเชนเข้ามาเกี่ยวข้อง ปัจจุบัน BKCH ถือครองหุ้นบริษัทอยู่ทั้งหมด 25 บริษัท เปิดให้เริ่มลงทุนครั้งแรกในเดือนกรกฎาคมปี 2021 หุ้นสิบอันดับแรกของกองทุนคิดเป็นสามส่วนสี่ ของสินทรัพย์ทั้งหมด $105.1 ล้านเหรียญสหรัฐ
หากพิจารณาสัดส่วนการถือครองหุ้นจะพบว่า BKCH ถือครองหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารมากที่สุดถึง 73.7% ตามมาด้วยกลุ่มการเงิน 18.7% ผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร 2.6% และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 2.2% กองทุน BKCH เลือกลงทุนกับบริษัทในสหรัฐอเมริกามากที่สุดเกือบ 60% ตามมาด้วยแคนาดา 18.5% ประเทศจีน 9.5% และเยอรมัน 7.4%
หุ้นของบริษัทที่ BKCH ถือครองมากที่สุดคือหุ้นของคอยน์เบส 12.98% นอกจากนี้ก็เป็นหุ้นของบริษัทชื่อดังได้แก่ Riot Blockchain (NASDAQ:RIOT) Marathon Digital (NASDAQ:MARA) Northern Data (DE:NB2) และ Voyager Digital (OTC:VYGVF)
ตั้งแต่เริ่มต้นก่อตั้ง BKCH ได้ปรับตัวลดลงมาแล้วประมาณ 20% สร้างจุดต่ำสุดตลอดกาลเอาไว้ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน นักลงทุนระยะยาวที่เชื่อมั่นในเทคโนโลยีบล็อคเชนสามารถพิจารณาหาข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนเพิ่มเติมได้ มีกองทุนหลายตัวที่เน้นสกุลเงินดิจิทัลและบล็อกเชน ที่มีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์จากมูลค่าของตลาดคริปโตฯ และบล็อกเชนที่เติบโตขึ้น