Investment Ideas:
ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,660-1,690 จุด SET กลับมามีปัจจัย ลบจาก (1) ความกังวลต่อการที่เฟดจะยังคงดําเนินนโยบายการเงินตึงตัว หลังกรรมการเฟดหลายท่าน สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค. เพื่อสกัดเงินเฟ้อ (2) การแพร่ ระบาดของโอมครอนในประเทศ ที่มีจํานวนผู้ติดเชื้อเพิ่ม โดยเฉพาะรายงานจากกรมควบคุมโรคล่าสุด พบผู้ติดเชื้อในเขต กทม. ใหม่รายวัน มากถึง 939 ราย ในเขตพื้นที่เสี่ยงและแหล่งชุมชน และ (3) การ ปรับลดลงของราคาน้ํามันดิบ จะกระทบหุ้นในกลุ่ม Oil play ที่เราแนะนําเก็งกําไรในช่วงสัปดาห์ที่ผ่าน มา เราแนะนํา หุ้นในกลุ่มที่ราคาหุ้น Laggard มีผลประกอบการหนุน และหุ้นในกลุ่มที่ได้รับประโยชน์ จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ตามพอร์ต Core Investment ของเรา ขณะที่เรายังคงมุมมองเชิงบวก ระยะสั้นต่อราคาน้ํามันดิบจาก Seasonal Demand และภาวะอุปทานที่ตึงตัว จากการลงทุนในธุรกิจ E&P ที่จํากัด และการควบคุมการผลิตของ OPEC+ การปรับลดลงของหุ้นในกลุ่ม Oil play ตามราคา น้ํามันดิบที่ลดลง เรามองเป็นโอกาสในการลงทุนรอบใหม่ ในลักษณะเก็งกําไร ธปท. ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ ยังเชื่อเป็นปัจจัยชั่วคราว - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับประมาณการอัตราเงินเฟ้อในปี 2564 เป็น 1.2% (เดิม 1%) ปี 2565 เป็น 1.79% (เดิม 1.49%) และปี 2566 คาดการณ์เงินเฟ้อที่ 1.4% โดยการปรับเพิ่มประมาณการอัตราเงินเฟ้อ มาจากปัญหา Supply Disruption ราคาขายปลีกน้ํามันเชื้อเพลิงและค่าไฟฟ้า ที่ปรับเพิ่ม โดยมองว่าอัตราเงินเฟ้อที่ปรับเพิ่ม เป็น เพียงปัจจัยชั่วคราว หากพิจารณาอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะ 1 ปี และ 5 ปีข้างหน้า ยังคงอยู่ในกรอบ เป้าหมายของ ธปท. ไม่เกิน 3% ขณะที่ประมาณการ GDP ไทยในปี 2565 ขยายตัว 3.4% ต่อปี (เต็ม 3.9%) เพื่อสะท้อนความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมครอน จะกระทบเศรษฐกิจไทย ในช่วง 6M65 แต่ ยังคงติดตามอย่างใกล้ชิด หากสถานการณ์ยืดเยื่อ ทําให้ประมาณการดังกล่าวมี Downside โดยมุมมองของ ธปท. เชื่อว่าราคาน้ํามันที่ปรับเพิ่ม เป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว คาดว่าจะทยอยปรับลดลงใน 2H65 สอดคล้องกับ มุมมองของเรา โดย ธปท. ปรับเพิ่มสมมติฐานราคาน้ํามันดิบปี 2565 เป็น 68.3 เหรียญต่อบาร์เรล (เดิม 65.5 เหรียญต่อบาร์เรล) โดยเรายังคงสมมติฐานราคาน้ํามันดิบปี 2565 ไว้ที่ 70 เหรียญต่อบาร์เรล รายงาน PPI เดือน ธ.ค. ตามคาด ยังเชื่อว่าเฟดจะยังคงเร่งการปรับเพิ่มดอกเบี้ย เลือก BLA KBANK (BK:KBANK) และ BBL เป็นหุ้นเด่น - สหรัฐฯ รายงาน 2 สถิติทางด้านเศรษฐกิจที่สําคัญ ได้แก่ ดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อ จากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ในเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 9.7%YoY ตามคาด และจํานวนผู้ยืนขอสวัสดิการว่างงานครั้ง แรกเพิ่มขึ้นเป็น 230,000 ราย ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ ที่สูงกว่าในช่วงก่อนเกิด สถานการณ์โควิด-19 ในสหรัฐฯ เราให้น้ําหนักต่อการปรับเพิ่มของอัตราเงินเฟ้อ โดยก่อนหน้านี้สหรัฐฯ รายงาน CPI เดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 7.0%YoY จะส่งผลต่อการตัดสินใจของเฟดในการดําเนินนโยบายการเงินที่ เข้มข้นมากขึ้น โดยเรายังติดตามการส่งสัญญาณในการดําเนินนโยบายการเงินของเฟด ในการประชุมของ คณะกรรมการกําหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ระหว่างวันที่ 25-26 ม.ค. โดยเราให้น้ําหนักต่อการที่เฟดจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในปี 2565 ไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง ซึ่งปัจจุบันความกังวล ดังกล่าวสะท้อนไปในตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ในระยะสั้น หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 2 ปี ปรับเพิ่มกว่า 0.25% ในรอบ 1 เดือน (ล่าสุด Bond Yield อายุ 2 ปี อยู่ที่ 0.99%) เราแนะนําลงทุนหุ้นในกลุ่ม ที่ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น เราเลือก BLA TIPH SCB KBANK BBL และ TTB ตามพอร์ต Core Investment ของเรา
รายงานตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจที่สําคัญ - กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงิน เฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ในเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.2% MoM และเพิ่มขึ้น 9.7%YoY ถือเป็นระดับสูงสุด นับตั้งแต่มีการรวบรวมข้อมูล พ.ย. 2553) ใกล้เคียงกับที่ Market Consensus คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.49%MoM และเพิ่มขึ้น 9.8% และเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือน พ.ย. ที่เพิ่มขึ้น 0.89%MoM และเพิ่มขึ้น 9.6% ด้านดัชนี PPI พื้นฐาน (ไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน) ในเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.4% MoM ใกล้เคียงกับที่ Market Consensus คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.59%MoM แต่เป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงจาก เดือน พ.ย. ที่เพิ่มขึ้น 0.76MoM/ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ยังรายงานจํานวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้ง แรกเพิ่มขึ้น 23,000 ราย สู่ระดับ 230,000 ราย ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สวนทางกับที่ Market Consensus คาดว่าจะลดลง 200,000 ราย จํานวนผู้ยืนขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสูงกว่าระดับ 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯ ด้านจํานวนชาว อเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ลดลง 194,000 ราย ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สู่ระดับ 1.56 ล้านราย (เป็นระดับต่ําสุดนับตั้งแต่ มิ.ย. 2516) มุมมองทางเทคนิค - หุ้นแนะนําปัจจัยทางเทคนิค เราเลือก CSS KUNWEL และ NER
อานวนผู้อรายในสหรัฐฯ ยังต่ำสุดนับตั้งงานต่อเพร่ระบาดรว่างงานครัว
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities