ค่าเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งสูงที่สุดในรอบ 40 ปี ! เป็นสัญญาณที่ "ดี" หรือ "ไม่ดี" ต่อ Bitcoinกันแน่ ?!?
คืนนี้สหรัฐเพิ่งรายงานออกมาว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ได้พุ่งสูงขึ้นเป็น +7.0% ในเดือนธันวาคม (เมื่อเทียบรายปี) ซึ่งทำให้เป็นระดับเงินเฟ้อที่สูงสุดนับตั้งแต่ปี 1982 เลยทีเดียว ส่งผลให้ราคา Bitcoin ดีดขึ้นมาแตะระดับ 44,000 เหรียญทันที หรือดีดขึ้นมา +5% วันนี้
ในช่วงหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา นักลงทุนบางท่านที่ได้เห็นข่าวเรื่องเงินเฟ้อสหรัฐที่ทยอยปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆแล้วอาจสงสัยว่า...
ทำไมบางทีข่าวเรื่องเงินเฟ้อกลับทำให้ราคา Bitcoin ลดต่ำลง แต่ทำไมในบางครั้งก็อาจทำให้ Bitcoin ปรับตัวสูงขึ้นกันแน่ ?
วันนี้ทางเพจจะพยายามมาอธิบายจุดนี้ให้กระจ่างกันครับ
เงินเฟ้อยิ่งสูงน่าจะส่งผลบวกต่อราคา Bitcoin และคริปโตอย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะส่งผลกระทบได้มากหรือน้อย แต่หากสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐยังคงด้อยค่าหรือเฟ้อมากขึ้น ก็จะทำให้มีนักลงทุนจำนวนหนึ่งที่เชื่อว่า Bitcoin นั้นสามารถเป็น "Store Of Value" และสามารถช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตเพื่อต่อสู้กับค่าเงินเฟ้อได้ พวกเขาก็จะเทเเงินเข้ามาในตลาด Bitcoin มากขึ้นเรื่อยๆ (นักลงทุนชื่อดังอย่าง Ray Dalio และ Paul Tudor Jones ก็จัดอยุ่ในกลุ่มนี้)
แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันคือ "ค่าเงินเฟ้อสหรัฐได้เพิ่มสูงขึ้นมากและเร็วเกินไป" จนถึงจุดที่ถ้าเงินจะเฟ้อไปมากกว่านี้ทาง FED คงต้องเร่งถอนสภาพคล่องและขึ้นดอกเบี้ยโดยเร็วเพื่อพยายามควบคุมเงินเฟ้อไว้ ไม่ให้ทำลายระบบเศรษฐกิจของสหรัฐ
ทำให้ทุกวันนี้หากเราเห็นตัวเลขเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น เราจะไม่สามารถบอกได้ว่ามันจะส่งผล "บวก" หรือ "ลบ" ต่อตลาด Bitcoin โดยทันที แต่เราจะต้องดูความเคลื่อนไหวของ FED ที่จะตามมาด้วย เพราะนโยบายของ FED จะมีผลกระทบในระยะสั้นต่อราคา Bitcoin มากกว่าตัวเลขค่าเงินเฟ้อแน่ๆ
1️.หากการปรับสูงขึ้นของค่าเงินเฟ้อนั้น ทำให้ FED ต้องเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยให้เร็วขึ้น - ก็จะส่งเป็นผลลบโดยรวมต่อตลาดคริปโต
2️. แต่หากการปรับสูงขึ้นของค่าเงินเฟ้อนั้น ไม่ได้ทำให้ FED ต้องเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยให้เร็วขึ้น - ก็จะส่งเป็นผลบวกโดยรวมต่อตลาดคริปโต
สิ่งที่เรากำลังพบเห็นในคืนนี้คือ ค่าเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งสูงที่สุดในรอบ 40 ปี แต่ยังถือว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการไว้ และไม่ได้สร้างแรงกดดันให้ FED ต้องเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้นกว่าเก่า
ทำให้ผลออกมาเป็นแบบข้อ 2️. และทำให้ราคา Bitcoin และตลาดคริปโตพุ่งขึ้นทันที
หากเรามาดูรายละเอียดของตัวเลขเงินเฟ้อในคืนนี้นั้น
1) ถึงแม้ตัวเลข +7% จะดูสูงมาก แต่ต้องบอกเลยว่าตัวเลขนี้ยังถือว่าต่ำกว่าที่ตลาดคาดการไว้ เพราะนักลงทุนในตลาดคาดว่าค่าเงินเฟ้อในสหรัฐจะดีดขึ้นแตะ 7.1% ถึง 7.2% เลยทีเดียว
2) ถึงแม้ตัวเลข +7% ในเดือนธันวาคมนี้จะสูงกว่าเดือนที่แล้วที่ประกาศออกมาที่ +6.8% แต่อัตราการปรับสูงขึ้นเริ่มชะลอลงแล้ว ทำให้นักลงทุนคาดว่าจุดเงินเฟ้อที่สูงที่สุดอาจอยู่ไม่ไกล และเราอาจใกล้ผ่านจุดที่สูงที่สุดไปแล้ว
3) จากการประกาศ 9 ครั้งล่าสุด CPI ได้ประกาศออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดถึง 7 ครั้ง ! การประกาศตัวเลขออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้จึงทำให้นักลงทุนเริ่มผ่อนคลายความกดดันลงไปว่า ตลาดไม่ได้แย่อย่างที่เคยคิดจนถึงขั้นไม่สามารถประเมินได้
4) ตัวเลขเงินเฟ้อในจีนและเยอรมันที่เพิ่งประกาศออกมาอาทิตย์นี้ก็เริ่มชะลอตัวลงแล้ว หากตัวเลขเงินเฟ้อทั่วโลกยังคงปรับตัวลดลงในเวลาพร้อมๆกันเช่นนี้ ก็จะเป็นสัญญาณว่าปัญหาที่แท้จริงของเงินเฟ้อนั้น อาจมาจากปัญหาด้าน Supply Chain และระบบขนส่งมากกว่า ที่ดันต้นทุนราคาสินค้าทั่วโลกขึ้นเพราะขาดแรงงานในการขนส่งจากปัญหาไวรัส)
ทำให้การประกาศตัวเลขเงินเฟ้อในครั้งนี้ ถึงแม้ตัวเลขเงินเฟ้อจะยังสูงอยู่ แต่ตลาดจึงมองว่าเงินเฟ้อระดับนี้ไม่ได้สร้างแรงกดดันให้ FED ต้องเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยมากนัก และหลายฝ่ายอาจเชื่อว่าปัญหาเงินเฟ้ออาจจะผ่านจุดที่แย่ที่สุดไปแล้ว ก็เป็นได้...
ทุกท่านมองกันว่าอย่างไรบ้างครับ ?
ติดตามข่าวสารการลงทุนที่น่าสนใจไปกับ Facebook fanpage ทันโลกกับTraderKP
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ Facebook fanpage ทันโลกกับTraderKP