Investment Ideas: • ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET สัปดาห์นี้ (10 ถึง 14 ม.ค.) จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,625-1,680 จุด สัปดาห์ที่ผ่านมา SET ไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยปิดตลาดวันศุกร์ (7 ม.ค.) อยู่ที่ 1,657.62 จุด โดย SET ปรับเพิ่มทําจุดสูงสุดของสัปดาห์ที่ 1,677.95 จุด จากแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่ม การเงิน ก่อนปรับลดลงจากความกังวลที่เพิ่มขึ้น หลังเฟดเปิดเผยรายงานการประชุม FOMC ล่าสุด ที่มีความเป็นไปได้ในการลดขนาด Balance Sheet ความเป็นไปได้ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับกรณีการเก็บภาษี จากการขายหุ้นของกรมสรรพากร (ยังอยู่ระหว่างการศึกษา) รวมไปถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โอมครอนทั้งในและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม SET ยังคงมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 43% มาอยู่ที่ 9.7 หมื่นล้านบาท ภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้ เราคาดว่า SET ยังมีโอกาสเคลื่อนไหวใน ลักษณะ Sideway Down ต่อเนื่องจากช่วงปลายสัปดาห์ก่อน โดยเราให้น้ําหนักต่อการที่เฟดจะดําเนิน นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดโอมิครอนในประเทศ มีผลต่อตลาด แต่ไม่มาก โดยสัปดาห์นี้เราคาดว่ามีโอกาสเห็นจํานวนผู้ติดเชื้อใหม่ เกินกว่า 10,000 ราย ตามที่กระทรวงสาธารณสุขคาดการณ์ไว้ กลยุทธ์การลงทุน ยังเน้น Selective ให้น้ําหนักหุ้นในกลุ่ม ที่ได้ประโยชน์จากกําลังซื้อในประเทศฟื้นตัว หุ้นในกลุ่ม Anti-oil และกลุ่มที่ราคาหุ้น Laggard มีผลประกอบการหนุน ตามพอร์ต Core Investment ของเรา เราเชื่อว่าเฟดจะดําเนินนโยบายเข้มงวด แม้รายงาน Non-farm payroll เดือน ธ.ค. ตําคาด เพิ่มแรงกดดัน ต่อภาพรวมการลงทุน - กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร เพิ่มขึ้นเพียง 199,000 ตําแหน่ง ในเดือน ธ.ค. (คาด 422,000 ตําแหน่ง) เรายังคงมุมมองเดิม ต่อการเร่งปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยของเฟดทันทีที่เฟดยุติโครงการ QE รวมไปถึงเพิ่มน้ําหนักต่อการที่เฟดจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 3 ครั้งในปี 2565 และน้ําหนักความเป็นไปได้ที่เพิ่มขึ้นต่อการที่เฟดจะดําเนินนโยบายปรับลดขนาด QE เพื่อเป็นการลดแรงกดดันต่อปัญหาเงินเฟ้อ แม้รายงานการจ้างงานนอกภาคการเกษตร จะเพิ่มขึ้นต่ํากว่าคาด แต่ยังมีการปรับขึ้นประกอบกับรายงานดังกล่าวยังระบุ ค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานเพิ่มขึ้น 0.6%MoM และเพิ่มขึ้น 4.7%YoY ขณะที่อัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.9% (คาด 4.1%) ซึ่งเป็นระดับต่ําสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2563 ซึ่งนอกจากจะเป็นภาพสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว อย่างแข็งแกร่ง รวมไปถึงอัตราเงินเฟ้อที่ยังมีโอกาสปรับเพิ่ม ยังไม่มีล็อกดาวน์ แต่ปรับมาตรการควบคุมเข้มข้นขึ้น คาดกระทบจํากัด แนะหุ้นที่ได้ประโยชน์จากกําลังซื้อใน ประเทศพื้นตัว เลือก SPRC BEM CPALL (BK:CPALL) OSP CBG LH และ HMPRO เป็นหุ้นเด่น - 6 ประเด็นสําคัญที่ได้ จากการประชุม ศบค. (1) เพิ่มพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จาก 39 จังหวัด เป็น 69 จังหวัด (2) เลื่อนเปิดสถาน บันเทิง แต่ผ่อนผันให้ปรับเป็นร้านอาหาร (3) ปรับให้พื้นที่นําร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) ดื่มสุราในร้านอาหารได้ไม่ เกิน 3 ทุ่ม (4) ขอความร่วมมือ Work from Home ถึงวันที่ 31 ม.ค.นี้ (5) เพิ่ม Sandbox 3 จังหวัด กระบี-พังงา-เกาะในสุราษฎร์ ได้แก่ เกาะสมุย เกาะพงัน เกาะเต่า และ (6) ระงับการลงทะเบียนแบบ Test&Go เรามีมุมมองเป็นกลาง โดยตราบใดที่ยังไม่ยกระดับมาตรการควบคุมไปถึงขันประกาศล็อกดาวน์ บางพื้นที่ที่สําคัญ หรือล็อกดาวน์ทั่วประเทศ เรามองว่าผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และ Sentiment การลงทุนค่อนข้างจํากัด ทําให้หุ้นที่ได้ประโยชน์จากกําลังซื้อในประเทศพื้นตัว ตามพอร์ต Core Investment ของเรา ยังคงน่าสนใจ
• ความเป็นไปได้ในการปรับเพิ่มการกําหนดเพดานราคาดีเซล ให้สูงกว่า 30 บาทต่อลิตร เรามองเป็นบวกมากสุดต่อ PTG - สํานักงานกองทุนน้ํามันเชื้อเพลิง (สกนช.) อยู่ระหว่างทบทวนมาตรการตรึงราคาน้ํามันดีเซล ไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ที่จะสิ้นสุด เดือน มี.ค. 2565 โดยเห็นว่าการกําหนดเพดานราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร มีการใช้มานานกว่า 15 ปี และไม่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทําให้กองทุนน้ํามัน เชื้อเพลิงต้องแบกรับภาระที่มากเกินไปในการเข้าไปช่วยตรึงราคา ผลจากการใช้กลไกของกองทุนน้ํามันเข้า อุดหนุน (ตั้งแต่ ต.ค. 64) การตรึงราคาน้ํามันดีเซลไว้ที่ 30 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ฐานะกองทุนน้ํามันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 2 ม.ค. ติดลบ 5,945 ล้านบาท เรามองว่า แม้จะยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับการปรับเพิ่มเพดานการ ตรึงราคาน้ํามันดีเซล แต่มีความเป็นไปได้สูง เนื่องจากการกําหนดเพดานราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ไม่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ขณะที่การปรับขึ้นเพดานราคาน้ํามันดีเซลจะช่วยลดผลกระทบต่อ ผู้ประกอบการในกลุ่ม Oil Station โดยเฉพาะ PTG ที่มีสัดส่วนการขายน้ํามันดีเซลมากกว่า 80% แม้ผล ประกอบการระยะสั้น (4Q64) ของกลุ่ม Oil Station จะยังถูกคาดหมายว่าจะยังคงอ่อนแอต่อเนื่อง แต่เรา เชื่อว่าราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยลบดังกล่าวไปหมดแล้ว ทําให้เรากลับมามีมุมมองที่เป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Oil Station (OR PTG BCP และ SUSCO) โดยเราเลือก PTG และ OR เป็นหุ้นที่น่าสนใจในการลงทุน มุมมองทางเทคนิค - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,645-1,670 จุด หุ้นแนะนําปัจจัยทาง เทคนิค เราเลือก THRE ASIAN และ BCP
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities