รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

3 หุ้นเด่นที่มีโอกาสปรับตัวขึ้นในยามที่ความกดดันจากโอมิครอนเข้าจู่โจมก่อนคริสต์มาส

โดยInvesting.com
ผู้เขียนJesse Cohen
เผยแพร่ 23/12/2564 13:58
อัพเดท 02/09/2563 13:05

สัปดาห์นี้ตลาดการเงินโลกก็ยังคงอยู่ในสภาวะความผันผวนอีกเช่นเคย หุ้นในตลาดวอลล์สตรีทยังคงได้รับแรงกดดันจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิดใหม่ “โอมิครอน” ที่กดดันให้นักลงทุนพากันเทขายมากที่สุดครั้งหนึ่งของปี 2021 จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครกล้าฟันธงความรุนแรงของโอมิคครอน นอกจากจะรู้เพียงแต่ว่าสามารถแพร่ระบาดได้เร็วกว่าสายพันธุ์เดิม S&P 500 Daily

ความไม่แน่นอนที่มีแนวโน้มว่าจะลากยาวไปถึงปีใหม่ 2022 นำมาซึ่งคำถามว่ายังมีหุ้นตัวไหนที่น่าลงทุน หรือมีหุ้นตัวไหนที่จะสามารถทำกำไรได้ในช่วงเวลาแบบนี้หรือไม่ ในบทความนี้เราจะพาไปดูหุ้นที่ได้อานิสงส์จากการระบาด

1. Pfizer

- ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +60.1%
- มูลค่าตามราคาตลาด: $330,900 ล้านเหรียญสหรัฐ

หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการระบาดครั้งนี้แบบเต็มๆ ก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้ผลิตวัคซีนอย่างไฟเซอร์ (NYSE:PFE) นี่คือหุ้นในกลุ่มเวชภัณฑ์ที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในปี 2021 ความต้องการวัคซีนของไฟเซอร์ที่มีเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อนช่วยให้บริษัทยังสามารถมีกำไรเติบโตได้ต่อไป และไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฟเซอร์และพาร์ทเนอร์ของเขา “ไบโอเอ็นเทค” (NASDAQ:BNTX) จะถูกจารึกว่าเป็นบริษัทเวชภัณฑ์ที่มียอดขายสูงที่สุดตลอดกาลของสหรัฐอเมริกา

จากความสำเร็จในยอดขายที่ระบุในรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ทำให้ไฟเซอร์กล้าปรับตัวเลขยอดขายตลอดทั้งปี 2021 ขึ้น 7.5% เป็น $36,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และในวันที่ 2 พฤศจิกายน ไฟเซอร์ก็ได้ปรับตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของบริษัทขึ้นในปี 2022 พวกเขาให้เหตุผลว่าการต่อสู่กับโควิดที่ยังไม่จบ ประกอบกับความต้องการใช้วัคซีนของไฟเซอร์มาฉีดให้เด็กจะทำให้บริษัทมียอดขายที่เพิ่มมากขึ้น

สำหรับสถานการณ์โรคระบาด ไฟเซอร์คาดการณ์ว่าโควิดอาจจะอยู่กับมนุษยชาติไปจนถึงอย่างน้อยปี 2024 และสำหรับการต่อสู้กับไวรัสตัวใหม่อย่างโอมิครอน ตอนนี้บริษัทก็ได้เร่งอัปเดตเวอร์ชันวัคซีนของตนให้มีลักษณะเฉพาะที่จะมาต่อกรกับโอมิครอนได้ นอกจากนี้ไฟเซอร์ยังประกาศแผนผลิตวัคซีนเข็มสามสำหรับเด็กอายุ 2-16 ปี และยาโควิดแบบเม็ด ซึ่งพวกเขาอ้างว่าสามารถป้องกันโควิดได้ 90% และกำลังรอการอนุมัติจากองค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกาอยู่Pfizer Daily Chart

ปีนี้หุ้นของไฟเซอร์เริ่มต้นที่ราคา $36.81 และมีราคาซื้อขายหุ้นล่าสุดเมื่อวันอังคารนี้อยู่ที่ $58.95 ปรับตัวลดลงมาไม่มากจากจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $61.71 เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม เมื่อเทียบกับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนเจ้าอื่นๆ อย่างเช่น  Johnson & Johnson (NYSE:JNJ), AstraZeneca (NASDAQ:AZN), Merck (NYSE:MRK) และ Eli Lilly (NYSE:LLY) ต้องยอมรับว่าหุ้นไฟเซอร์ปรับตัวขึ้นได้มากที่สุด ตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน หุ้นไฟเซอร์ปรับตัวขึ้นมาแล้วประมาณ 60% เมื่อเทียบกับดัชนีดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500ในช่วงเวลาเดียวกัน

ผมเชื่อว่าหุ้นไฟเซอร์จะยังเป็นผู้นำของกลุ่มเวชภัณฑ์ในปีหน้า และจะยิ่งทำผลงานได้ดีมากขึ้นในวันที่การระบาดของโอมิครอนขึ้นถึงจุดสูงสุด เช่นเดียวกันนักวิเคราะห์จาก InvestingPro มีความเห็นว่าหุ้นไฟเซอร์มีโอกาสปรับตัวขึ้นอีก 25% จากระดับราคาปัจจุบัน

IInvestingPro: 25% upside for Pfizer

Chart: InvestingPro

2. Thermo Fisher Scientific

- ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +38.5%
- มูลค่าตามราคาตลาด: $254.300 ล้านเหรียญสหรัฐ

หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตชุดอุปกรณ์ตรวจสอบวินิจฉัยโรค และอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์สำหรับห้องทดลองที่ใหญ่ที่สุด Thermo Fisher Scientific (NYSE:TMO) ถือเป็นหนึ่งในหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในปี 2021 การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่จบทำให้มีความต้องการอุปกรณ์ตรวจสอบว่าติดเชื้อโควิดหรือไม่เพิ่มมากขึ้น

อุปกรณ์ของ TFS ได้รับการอนุมัติให้ใช้สำหรับยามฉุกเฉินได้จาก FDA เมื่อเดือนมีนาคมปี 2020 มีรายได้ในไตรมาสที่ 3 $2,050 ล้านเหรียญสหรัฐ นี่เป็นยอดขายที่ได้มาจากการขายบริการและอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับโควิดล้วนๆ และยิ่งตอนนี้ ที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิดโอมิครอน ยิ่งทำให้บริษัทมีแนวโน้มว่าจะสามารถขายชุดตรวจสอบโควิดได้มากขึ้นในปี 2022 

ในรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม TFS สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้อย่างไม่ยากเย็น เมื่อเห็นเช่นนั้น TFS จึงได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรในปีหน้าขึ้นจากปีนี้อีก 15% คิดเป็นเงิน $37,100 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนกำไรของปีนี้ ที่ทำได้จากโควิดถูกปรับเพิ่มขึ้นจาก $6,700 ล้านเหรียญสหรัฐ ขึ้นเป็น $7,700 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2022 TFS เชื่อว่ากำไรรวมตลอดทั้งปีจะสามารถเพิ่มขึ้นเป็น $40.500 ล้านเหรียญสหรัฐได้ ตราบใดที่การแพร่ระบาดยังไม่จบสิ้นThermo Fisher Daily Chart

ในปี 2021 หุ้นของ TFS สามารถเอาชนะดัชนีเอสแอนด์พี 500 ไปได้ ตลอดทั้งปีปรับตัวขึ้นมาแล้ว 40% ช่วงต้นปี 2021 ราคาหุ้นของ TFS มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $465.78 แต่ตอนนี้กำลังอยู่บนเส้นทางการขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ที่ $666.65 ให้ได้อีกครั้ง หลังจากที่ย่อตัวลงมาเล็กน้อยอยู่ที่ $645.78 ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยังจะดำเนินต่อไปอีกในอนาคต ทำให้นักวิเคราะห์จาก InvestingPro คาดว่ามีโอกาสที่หุ้น TFS จะปรับตัวขึ้นอีก 10% ขึ้นไปยัง $714.98 จากระดับราคาปัจจุบัน

InvestingPro 10% upside for Thermo Fisher

Chart: InvestingPro

3. Datadog

- ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +80.3%
- มูลค่าตามราคาตลาด: $55,400 ล้านเหรียญสหรัฐ

บริษัทผู้ให้พัฒนาซอฟต์แวร์ระบบรักษาความปลอดภัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านข้อมูลข่าวสารนามดาตาด็อก (NASDAQ:DDOG) ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปี 2021 ในวันที่เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ความต้องการระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ก็ยิ่งมีเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่แค่เฉพาะดาต้าด็อก แต่หุ้นของบริษัทที่มีธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการด้านซอฟต์แวร์ (SaaS) ต่างก็พากันขยับตัวเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นเฟดเอ็กซ์(NYSE:FDX) เอทีแอนด์ที (NYSE:T) และแอร์บีแอนด์บี(NASDAQ:ABNB)

ตั้งแต่ต้นปี 2021 จนถึงปัจจุบัน หุ้นของดาต้าด็อกได้ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 80% ราคาหุ้นเคยซื้อขายกันที่ $98.44 ในวันที่ 1 มกราคม และสามารถขึ้นมาสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ที่ $199.68 ได้เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ก่อนที่จะย่อตัวลดลงมาวิ่งอยู่ที่ $177.49 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาDatadog Daily Chart

เชื่อว่าผลิตภัณฑ์ของดาต้าด็อกจะยังเป็นที่ต้องการของตลาดต่อไป ตราบใดที่ความต้องการระบบการรักษาความปลอดภัยออนไลน์ยังเป็นที่ต้องการในยุคที่อาจจะต้องกลับไปทำงานจากที่บ้านอีกครั้ง ที่สำคัญ โรคระบาดได้ทำให้องค์กรไม่ว่าจะเอกชนหรือรัฐบาลต่างเล็งเห็นความสำคัญในการแปลงข้อมูลให้เข้าสู่ดิจิทัล ที่มีการเก็บข้อมูลบนคลาวด์มากขึ้น ทำให้ซอฟต์แวร์ประเภทรักษาความปลอดภัยได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ในรายงานผลประกอบการเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน อัตราการเติบโตของกำไรแบบปีต่อปีเพิ่มขึ้น 160% เป็น $0.13 ต่อหุ้น ในขณะที่กำไรเพิ่มขึ้น 75%  สร้างสถิติใหม่ที่ตัวเลข $270.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ข้อมูลจากรายงานผลประกอบการยังระบุอีกว่ามีลูกค้าจำนวน 1,610 รายที่ยินดีชำระค่าสมาชิกเป็นรายปี คิดเป็นมูลค่า $100,000 เหรียญสหรัฐ นี่คือตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจาก 1,015 รายในปีที่แล้ว คิดเป็นอัตราการเติบโตเกือบ 60% 

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

ดาต้าด็อกคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตนี้จะยังสามารถไปต่อได้ไม่มีสะดุดในไตรมาสที่ 4 ปี 2021 และเชื่อว่าตัวเองจะมีอัตราการเติบโตของกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 64% เมื่อเทียบจากปีก่อนหน้า และอาจจะได้เห็นจุดสูงสุดตลอดกาลของกำไรสูงสุดใหม่ที่ $291 ล้านเหรียญสหรัฐ

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย