Investment Ideas:
ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET สัปดาห์นี้ (20 ถึง 24 ธ.ค.) จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,615-1,655 จุด โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา SET ปิดที่ 1,641.73 จุด เพิ่มขึ้น 23.5 จุด (+1.45%) มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 77,852 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.19%WoW ขณะที่สัปดาห์นี้ เราคาดว่า SET มีโอกาสปรับฐานลง ในช่วงต้นสัปดาห์ จากความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนทั่วโลก หลังจากหลายประเทศในยุโรป เพิ่มมาตรการจํากัดการเดินทาง และการเว้นระยะห่างทางสังคม สร้างความกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และกดดัน ตลาด commodity โดยเฉพาะราคาน้ํามัน นอกจากนี้เราคาดว่า SET จะมีแรงกดดันที่ต่อเนื่องจากผลของ การปรับท่าที่เป็น Hawkish เพิ่มขึ้น ของธนาคารกลางสําคัญทั้ง เฟด (เร่งลด QE และ Dot Plot ใหม่สะท้อน การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปี 2566) และ BoE (ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 0.25% ตามมุมมองของเฟด ที่ระบุความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น) รวมไปถึงปัจจัยลบภายในประเทศ จากกรณีที่กระทรวงการคลังอยู่ ระหว่างการศึกษา การเก็บภาษี Financial Transaction Tax จากการขายหุ้นในอัตรา 0.1% หากกระทรวงการคลังได้ข้อสรุป เตรียมเสนอ ครม. พิจารณาคาดจะเริ่มมีผลบังคับใช้ปี 2565 สัปดาห์นี้ติดตาม การประชุม กนง. (22 ธ.ค.) เกี่ยวกับท่าทีของ ธปท. ต่อประมาณการ GDP รวมทั้งประมาณการอัตราเงินเฟ้อ ในปี 2565 รายงานตัวเลขส่งออกเดือน พ.ย. และสถานการณ์โควิด-19 กลยุทธ์การลงทุนหลัก เราให้น้ําหนักหุ้นใน พอร์ตเพียง 50% โดยยังคงเน้นหุ้นในกลุ่ม Domestic play เป็นหลัก และหุ้นในกลุ่มที่ราคา Laggard แต่ยังมีผล ประกอบการที่แข็งแกร่งในช่วง 4Q64 ถึง 1Q65 เป็นปัจจัยหนุน ติดตามการประชุม กนง. 22 ธ.ค. คาดคงดอกเบี้ยต่อ ติดตามประมาณการ GDP และอัตราเงินเฟ้อ - ติดตามการ ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 22 ธ.ค. เราคาดว่า ธปท. จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.5% เช่นเดิม แต่ประเด็นที่น่าติดตามอยู่ที่ ประมาณการ GDP และสมมติฐานอัตราเงินเฟ้อในปี 2564 ถึง 2565 โดยมีปัจจัยกดดันเพิ่มเติมจาก สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนทั่วโลก อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่ เพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง และราคาน้ํามันดิบที่ยังอยู่ระดับสูงกว่า สมมติฐานที่ ธปท. ประเมินไว้ที่ 66 เหรียญต่อบาร์เรล ในปี 2560-2565 อาจมีน้ําหนักมากพอที่จะทําให้ ธปท. ปรับประมาณการทั้ง GDP และสมมติฐานอัตราเงินเฟ้อในปี 2564 ถึง 2565 โดยก่อนหน้านี้ ธปท. ประเมิน GDP ไทยในปี 2564 2565 ขยายตัว 0.7% และ 3.7% ตามลําดับ และประมาณการอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเดิมคาดไว้ที่ 19% ในปี 2564 และ 1.4% ในปี 2565
คลังอยู่ระหว่างศึกษา การเก็บภาษีขายหุ้น รายละเอียดยังไม่มาก แต่เชื่อหากมีการประกาศใช้ จะกระทบ Sentiment การลงทุนระยะสั้น - กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทาง (1) การจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการซื้อขาย หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ (Financial Transaction Tax) กฎหมายสรรพากรในปัจจุบันกําหนดการซื้อขายหุ้นในตลาด หลักทรัพย์ฯ ต้องเสียภาษีในอัตรา 0.1% ของมูลค่าขาย เดิมมีกฎหมายกําหนดไว้แล้ว แต่ได้รับการยกเว้น ตั้งแต่ปี 2534 เพื่อต้องการส่งเสริมการลงทุนในตลาดหุ้นไทย และ (2) ภาษีกําไรจากการขายหลักทรัพย์ (Capital Gain) โดยต้องยกร่างกฎหมายขึ้นใหม่ ทั้งนี้เพื่อเป็นการรองรับแผนการปฏิรูปภาษี โดยในหลายประเทศเรียกเก็บภาษี อย่างใด อย่างหนึ่ง หรือในบางประเทศเรียกเก็บภาษีทั้ง 2 ส่วน อย่างไรก็ตามยังคงต้องรอผลการศึกษาจากกระทรวงการคลัง ใน ระยะต่อไป โดยหากกระทรวงการคลัง มีข้อสรุปว่าจะจัดเก็บ จะมีการเตรียมเสนอ ครม. พิจารณาคาดว่าจะเริ่มมีผล บังคับใช้ปี 2565 เรามองว่าประเด็นดังกล่าว ยังมีรายละเอียดที่ไม่ชัดเจน แต่เราเชื่อว่าหากมีการประกาศใช้ จะกระทบ Sentiment การลงทุนระยะสั้น ทั้งในส่วนของการตัดสินใจลงทุน และสภาพคล่องของตลาดที่จะหายไปในระยะสั้น โดยเฉพาะ Financial Transaction Tax ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูง ขณะที่ภาษีจาก Capital Gain คาดกระทบไม่มาก เนื่องจากเป็นการเก็บภาษีจากกําไร บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานวันนี้ - Sector Update: Commerce Sector / Electronics Sector /Oil Station Sector Sector Update: Electronics Sector (Overweight) แนวโน้มเติบโตจากตลาด Semiconductor ในช่วงขาขึ้น - คาดตลาด Semiconductor เติบโตต่อเนื่อง 8.89%YoY ในปี 65 ตลาดสมาร์ทโฟนปี 65 คาดว่าจะฟื้นตัวได้ในระดับ ช่วงก่อน COMID-19 มีแรงหนุนจากดีมานด์ของ Emerging Market คาดยอดขายสมาร์ทโฟนเติบโต 3.89%YoY ส่งออกได้เปรียบจากค่าเงินบาทอ่อนเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐฯ แนะนํา Overweight ในการลงทุนกลุ่ม อิเล็กทรอนิกส์ สําหรับหุ้นเด่น เราเลือก KCE เป็น Top Pick สําหรับกลุ่ม Sector Update: Commerce Sector (Overweight) คาดเห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนในปี 2565 - การผ่อนคลาย มาตรการล็อกดาวน์ ทําให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัว ประเมิน SSSG ในช่วง 4Q64 พลิกเป็นบวก แนวโน้มกําไรสุทธิ 4Q64 ฟื้นตัว QoQ หลังผ่อนคลายล็อกดาวน์ และฟื้นตัวต่อเนื่องถึงปี 2565 ให้น้ําหนักการลงทุน Overweight
เลือก HMPRO เป็นหุ้นเด่น • มุมมองทางเทคนิค - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,630-1,650 จุด
หุ้นแนะนําปัจจัยทางเทคนิค เราเลือก MCSCBG และ PLANB
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities