SET up สู่ระดับ 1660 จุดต่อไป หลังยังไม่มีข่าวร้ายใดๆเข้ามาในช่วงนี้ ส่วนใน สัปดาห์นี้ คาดดัชนีปรับตัวอยู่ในเกณฑ์ดี หลังราคาน้ํามันดิบยังคงทรงตัว ได้ รวมถึงรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ออกมาไม่ได้ Surprise ตลาดในทางลบแต่อย่างใด Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ เรายังคงแนะน่านักลงทุนถือครองหุ้นเพื่อ Let profit run ในรอบใหญ่ต่อไป โดยยังคงเน้นการถือครองไปยังหุ้น 2 กลุ่มนั้นก็คือ
1) กลุ่ม Domestic consumption ที่เราเห็นสัญญาณการ ฟื้นตัวเร็วของการบริโภคในรอบนี้ และล่าสุดมีปัจจัยบวกจากดัชนีความ เชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยและคาดการณ์รายได้ในอนาคต ประจําเดือนพ.ย. ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เลือกตัว Laggard ต่อไป เช่น KBANK (BK:KBANK), BBL, BJC, CPALL (BK:CPALL), HMPRO, DOHOME COM7, M, ORI, SPALI, SIRI, BEM, BTS, PLANB, MAJOR, VGI, PF&REIT และ 2) กลุ่ม High dividend ที่เตรียมเข้าสู่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของปี เลือก SCC, TISCO, AP, ADVANC, PTT (BK:PTT), INTUCH, BBL, LH, GUNKUL, PTTEP สําหรับหุ้น เก็งกําไรตามงบ 4Q21 และตามดัชนีค่าระวางตู้คอนเทนเนอร์ที่ล่าสุด ปรับตัวท่าจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง เลือก LEO (ราคาเป้าหมาย 16.50 บาท) Factors: สําหรับปัจจัยที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ 1) การประชุม FOMC ซึ่งจะทราบผลในช่วงดึกคืนวันที่ 15 ธ.ค.ตามเวลาบ้านเรา มองมีโอกาสสูงที่ Fed จะใช้โอกาสนี้ในการเพิ่มอัตราเร่ง การลดวงเงิน QE จากปัจจุบันที่ระดับ 15,000 ล้านเหรียญฯต่อ เดือนเป็น 30,000 ล้านเหรียญฯต่อเดือน และมีผลบังคับใช้ใน เดือนม.ค.ที่จะถึงนี้ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะทําให้โครงการ QE ของ Fed สิ้นสุดลงในเดือนมี.ค.ปีหน้า แทนที่กําหนดการเดิมในเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ตาม มองเป็นสิ่งที่อยู่ในคาดการณ์ของนักลงทุนส่วนใหญ่อยู่ แล้ว และเชื่อว่าโทนจากการประชุมที่ออกมาจะเอนเอียงไปในทิศทาง Dowish โดยเฉพาะอย่างยิ่งคําพูดของนาย Jerome Powell ที่คงจะ เน้นถึงความไม่เกี่ยวข้องกันระหว่างการลดวงเงิน QE กับ Interest rate Dath ในช่วงถัดไป ทั้งนี้ แนะนําติดตาม Fed dot plots ที่จะ ออกมาจากการประชุมครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งคงมีการ Shift ขึ้น จากคราวก่อนอยู่แล้ว หลังแนวโน้มเงินเฟ้อมีท่าทีจะยึดเมื่อต่อไป แต่เราประเมินว่า Dot plots ของ Fed จะไม่ขึ้นไปเทียบเท่ากับ Fed Funds futures ที่อยู่สูงในตลาด ณ ขณะนี้ จึงมองไม่มี นัยสาคัญกับตลาดมากนัก
2) การประกาศรายชื่อสมาชิกดัชนี SET50 รอบใหม่ ซึ่งหากอ้างอิงจากบทวิเคราะห์ของเราเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาจะพบว่า หากใช้เกณฑ์ Turnover ratio ที่ 3.0% เทียบเท่ากับรอบที่แล้ว มีสิทธิ์ที่ AOT (BK:AOT) จะถูกถอด ออกจากดัชนี SET50 ในรอบนี้ได้ทันที พร้อมๆ ไปกับหุ้นอีก 3 ตัวนั้นก็คือ DELTA, BJC และ STA ในทางกลับกัน หุ้นที่คาดว่าจะถูกน่าเขาจะได้แก่ TIDLOR, BANPU, HANA, KEX อย่างไรก็ต หากใช้สัตส่วนที่ย่อหย่อนลง มาท์ 2.5% AOT จะสามารถดํารงอยู่ในดัชนีต่อได้ โดยจะมีหุ่นที่หลุดออกใน กรณีนี้คือ DELTA, BJA และ STA ในทางกลับกันหุ้นที่คาดว่าจะถูกน่าเข่าใน กรณีนี้จะได้แก่ AWC, TIDLOR และ BANPU สําหรับการเปลี่ยนแปลง รายชื่อหุ้นในดัชนี SET100 แนะนําติดตามรายละเอียดได้ในบทวิเคราะห์ของ เราเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในเชิงกลยุทธ์ มองหุ้นที่น่าสนใจสําหรับการ เก็งกําไรได้แก่ TIDLOR เนื่องจากมีความเชื่อมั่น 1000 ที่ตัวหุ้นจะถูก น่าเข้าสุทั้งดัชนี SET50 และ SET100 และราคาหุ้นช่วงที่ผ่านมายังคง Laggard ดัชนี SET พอสมควร
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities