ถึงแม้ว่าเมื่อวานนี้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะข่มได้ทุกสกุลเงิน อย่างไรก็ตามกราฟ USD/JPY และ EUR/USD ก็ไม่ได้ปรับตัวลดลง นั่นเป็นเพราะตลาดลงทุนไม่ได้ตกใจกับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเดือนพฤศจิกายนที่ออกมาหดตัวลดลงเกินครึ่งอีกต่อไป พวกเขาให้น้ำหนักกับข่าวดีอย่างเช่นอัตราการว่างงานที่ลดลง 4.2% และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของอเมริกามากกว่า 80% นับตั้งแต่มีการเริ่มระบาดมากกว่า
เหตุการณ์ในลักษณะนี้ยังเกิดขึ้นกับตลาดอื่นๆ ด้วย ยกตัวอย่างเช่นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีที่ปรับตัวกลับขึ้นมาจนแทบจะกลายเป็นว่าขาลงเมื่อวันศุกร์ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และดัชนีดาวโจนส์ที่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้มากกว่า 600 จุด ตอนนี้ความสนใจของนักลงทุนไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขการจ้างงานฯ อีกต่อไปแล้ว แต่พวกเขามุ่งเป้าไปที่สามเหตุการณ์หลักๆ นั่นก็คือการประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค ที่เป็นมาตรวัดเงินเ้อในวันศุกร์นี้ การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า และความร้ายกาจของโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่มีนามว่า “โอมิครอน”
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครทราบว่าเจ้าตัวกลายพันธุ์ใหม่จะมีความร้ายแรงมากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตาม การแพร่กระจายของโอมิครอนที่สามารถไปได้เกินครึ่งของประเทศทั่วโลก ได้สร้างผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยว และสายการบินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ กล่าวชัดในแถลงต่อสภาคองเกรสครั้งล่าสุดว่าการจัดการกับปัญหาเงินเฟ้อในขั้นแรกคือต้องรีบจบการลดวงเงิน QE เพื่อเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้ได้เร็วที่สุด ตลาดลงทุนจึงเกิดความคาดหวังว่าจะได้เห็นรายละเอียดของแผนการดังกล่าวในการประชุมสัปดาห์หน้า และมีโอกาสสูงที่ตัวเลข CPI ในวันศุกร์นี้จะออกมาสอดคล้องกับแผนการสุดอุกอาจของธนาคารกลางสหรัฐฯ
สกุลเงินที่แข็งค่าได้มากที่สุดเมื่อวานนี้คือดอลลาร์ออสเตรเลีย ก่อนหน้านั้นกราฟ AUD/USD ได้ปรับตัวลดลงไปมาต่ำกว่า 70 เซนต์ ก่อนที่จะดีดตัวกลับขึ้นมาก่อนปิดตลาดลงทุนฝั่งสหรัฐฯ มีราคาซื้อขายอยู่ที่ 0.7050 โดยประมาณ การประชุมของธนาคารกลางออสเตรเลียเมื่อเช้านี้เป็นไปตามที่ตลาดลงทุนคาดการณ์ คือการคงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ที่ 0.1% และยังจะคงโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลในวงเงิน $4.0 พันล้านเหรียญไปจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 ธนาคารกลางออสเตรเลียกล่าวว่าพวกเขาตระหนักรู้ถึงความเสี่ยงที่โอมิครอนอาจมีต่อเศรษฐกิจ แต่ก็ยังเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อภาพรวมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
สกุลเงินที่อ่อนค่ามากที่สุดเมื่อวานนี้คือสกุลเงินยูโร ข้อมูลตัวเลขยอดคำสั่งซื้อจากโรงงานล่าสุดที่หดตัวลดลงจาก 58.6 จุดเป็น 58.4 จุดคือหลักฐานยืนยันว่ายอดผู้ติดเชื้อโอมิครอนใหม่ ที่ทำให้เกิดการล็อกดาวน์ในบางประเทศของกลุ่มยูโรโซนอีกครั้ง สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในช่วงเย็นของวันนี้ มีความเป็นได้ที่สกุลเงินยูโรจะยังคงอ่อนค่าต่อไป หากว่าตัวเลขความเชื่อมั่นที่มีต่อเศรษฐกิจจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจแห่งยุโรป (ZEW) ยังหดตัวลดลงต่อเนื่องตามตัวเลขคาดการณ์
สกุลเงินที่แข็งค่าได้รองจากดอลลาร์ออสเตรเลียคือดอลลาร์แคนาดา ที่กลับมาได้เพราะราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น กลับมายืนเหนือ $70 ต่อบาร์เรลได้สำเร็จ การฟื้นตัวนี้สอดคล้องกับตัวเลขตลาดแรงงานอเมริกาในวันศุกร์ที่แล้ว และความเป็นไปได้ที่การประชุมของธนาคารกลางแคนาดาในสัปดาห์นี้จะได้ผลออกมาเป็นการคงนโยบายการเงินแบบตึงตัวต่อไป วันนี้แคนาดาจะมีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญอย่างเช่นดุลบัญชีการค้า และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อจาก IVEY นักวิเคราะห์เชื่อว่าตัวเลขทั้งสองจะออกมาดี และหนุนให้เศรษฐกิจและสกุลเงินของแคนาดาแข็งแกร่ง หากเป็นเช่นนั้น เท่ากับว่ากราฟ USD/CAD มีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงต่อ เชื่อว่าสกุลเงินปอนด์และดอลลาร์นิวซีแลนด์ก็จะแข็งค่าขึ้นด้วยเช่นกัน