Investment Ideas: • ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,635-1,660 จุด เราคาดว่า SET จะยังผันผวนในกรอบ sideway แนะนําเก็งกําไรระยะสั้นหุ้นในกลุ่ม Oil play หลังราคา น้ํามันดิบปรับเพิ่ม และหุ้นในกลุ่ม Defensive ที่ได้ประโยชน์จาก Bond yield ในตลาดที่ปรับ ลดลง รวมไปถึงหุ้นในกลุ่ม Domestic play โดยยังคงแนะนํา Follow buy หุ้นในพอร์ต Core Investment อย่าง Re-opening และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากกําลังซื้อในประเทศฟื้นตัว ที่เราแนะนําอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา เราเลือก AMATA CPALL (BK:CPALL) CBG KBANK (BK:KBANK) ITB BJC AOT (BK:AOT) BDMS BEM และ ERW • Bond yield สหรัฐฯ ปรับลดลง เป็นบวกต่อ Defensive Stock - อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
สหรัฐฯ ปรับตัวลง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 1.584% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 1.973% หลังกระทรวง แรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงาน สู่ระดับ 268,000 รายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทําให้ค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ของจํานวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้ง แรก ลดลงสู่ระดับ 272,750 ราย รวมไปถึงการขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลง 129,000 ราย สู่ระดับ 2.08 ล้านราย โดยทั้งจํานวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเฉลี่ย 4 สัปดาห์ และการขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องทําจุดต่ําที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 63 การปรับลดลงของ Bond Yield สหรัฐฯ เป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Defensive stock เราเลือก GPSC BGRIM BPP และ GULF ราคาน้ํามันดิบฟื้นตัว แนะเพียงเก็งกําไร Oil play เราเชื่อว่าระยะสั้นยังมีความเสี่ยง - สัญญา น้ํามันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค. ล่าสุด ปิดที่ 79.01 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ (+0.8%) หลังปรับลดลงต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทําจุดต่ําสุดในรอบ 6 สัปดาห์ เราให้น้ําหนักเป็นเพียง การเก็งกําไรระยะสันหุ้นในกลุ่ม Oil play (PTTEP TOP SPRC IRPC BCP และ PTTGC) เท่านั้น โดยเรายังคงมุมมองเชิงลบต่อแนวโน้มราคาน้ํามันดิบจากแรงกดดันด้านอุปทานที่มีแนวโน้มปรับเพิ่ม ต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี 2564 ต่อเนื่องถึงปี 2565 ขณะที่ระยะสั้นตลาดน้ํามันดิบยังคงมีความ กังวลต่อการที่สหรัฐฯ เรียกร้องให้จีนระบายน้ํามันออกจากคลังสํารองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อกดดันราคาน้ํามันในตลาดโลกให้ปรับตัวลง ในระหว่างการประชุมทางไกลระหว่าง 2 ผู้นําสหรัฐฯ และจีน ซึ่งจากข้อมูลของทาง EIA และ OPEC ระบุว่าสหรัฐฯ มี SPR มากที่สุดในโลก อยู่ที่ 727 ล้าน บาร์เรล ขณะที่จีนมีอยู่ประมาณ 200 ล้านบาร์เรล โดยเราเชื่อว่าตลาดน้ํามันดิบจะยังถูกกดดันจากปัจจัยลบทั้ง 2 ปัจจัย
• บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานวันนี้ - Company Update: PTG (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 20.2 บาท) แนวโน้ม 4Q64 ฟื้นตัว QoQ แต่ยังมี ปัจจัยเสี่ยง - แนวโน้มกําไรสุทธิ 4Q64 ฟื้นตัว QoQ ปัจจัยบวกจาก (1) การคลายล็อกดาวน์ (2) ราคาน้ํามันที่ปรับลดลง และ (3) ส่วนแบ่งกําไรจากธุรกิจ Palm Complex ขณะที่ราคาน้ํามันที่ ผันผวนยังเป็นปัจจัยกดดันให้ค่าการตลาดลดลงได้ คาดธุรกิจ Palm Complex จะหนุนผลกําไรสุทธิ 4Q64 และบริษัทเตรียมยื่นไฟลิ่งในช่วง 2Q65 ธุรกิจ Non-oil เริ่มมีการฟื้นตัว และคาดจะเห็นการ เติบโตช่วง 1Q65 ปรับประมาณการกําไรสุทธิปี 64-65 ลง 8% และ 12% ตามลําดับ คงคําแนะนํา “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายใหม่ปี 65 ที่ 20.20 บาท รายงานตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจที่สําคัญ - ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย รายงาน ดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก เดือน พ.ย. อยู่ที่ 39.0 จุด ทําจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 7 เดือน ดีกว่า Market Consensus คาดที่ 24 จุด และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือน ต.ค. 64 ที่ 23.8 จุด • มุมมองทางเทคนิค - เราคาดว่า SET Index วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,635-1,660 จุด /
หุ้นแนะนําปัจจัยทางเทคนิค: BEC IRCP และ TASCO