Investment Ideas:
ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,620-1,640 จุด เราคาดว่า SET จะตอบรับเชิงลบต่อความกังวลที่เฟดจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด หลังสหรัฐฯ รายงานอัตรา เงินเฟ้อปรับเพิ่มในอัตราที่เร่งตัว และมากกว่าที่ Market Consensus คาดไว้ รวมไปถึงการปรับลดลง ของราคาน้ํามันดิบ จะเป็นปัจจัยกดดันหุ้นในกลุ่ม Oil play การลงทุนที่เราเน้น Domestic play โดยเฉพาะหุ้นที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากมาตรการภาครัฐฯ (เปิดประเทศ และคลายล็อกดาวน์) เราเลือก CBG CPALL (BK:CPALL) BJC AMATA WHA AOT (BK:AOT) BAFS AAV BEM และ ERW เรายังคงให้น้ําหนักหุ้นในพอร์ต เพียง 50% เช่นเดิม กนง. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% ตามคาด แนะนํา KBANK (BK:KBANK) และ TTB เป็น Top Pick - ประเด็น - ผลการประชุม กนง, มีเสียงเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ตามตลาดคาด โดยประเมินว่า เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ําสุดแล้วใน 3Q64 และเข้าสู่ช่วงฟื้นตัวจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ ระบาด รวมทั้งการเปิดประเทศและการกระจายวัคขึ้นทําให้ความเสี่ยงของเศรษฐกิจลดลง เรามองเป็นปัจจัย บวกต่อหุ้นในกลุ่มธนาคารจากสัญญาณแนวโน้มของการฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจในระยะถัดไป จากการ ฟื้นตัวของจํานวนนักท่องเที่ยวและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว แต่อย่างไรก็ดียังมีปัจจัยเสียง อยู่หลายด้านต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จากราคาน้ํามันดิบที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และภาคการส่งออกที่มี แนวโน้มชะลอตัวตามเศรษฐกิจของคู่ค้า ทั้งนี้คาดว่า กนง. มีโอกาสที่จะพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นโยบายในช่วง 2H65 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธนาคารกลางอื่น เราคงแนะนํา "Overweight" ตอบรับปัจจัยการฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจในระยะถัดไป ซึ่งช่วยลดแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสียงและ NPL ของกลุ่มธนาคาร ในขณะที่แนวโน้มของอัตราดอกเบียมี โอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในปี 65 โดยเราเลือก KBANK และ TTB เป็น Top Pick ของเรา จาก Upside ที่ ยังเหลืออีกมาก และแนวโน้มของผลประกอบการในปี 65 ที่จะสามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่น ภาพรวมการลงทุนเป็นลบ กังวลเฟดปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด หลังอัตราเงินเฟ้อเร่งตัว - ตลาด กลับมากังวลต่อการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด หลังวานนี้ (10 พ.ย.) สหรัฐฯ รายงานดัชนี CPI เดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 6.2%YoY มากกว่าที่ Market Consensus คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.99%YoY รวมไปถึง การรายงานตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะตลาดแรงงาน หลังจํานวนผู้ยืนขอ สวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลงต่อเนื่อง แม้ในการประชุมรอบล่าสุด เฟดจะยังไม่มีท่าทีในการส่งสัญญาณ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และยังคงมุมมองต่อการปรับเพิ่มอัตราเงินเฟ้อเป็นเพียงระยะสันก็ตาม บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานวันนี้ - Company Update: KCE และ MTC/Earnings Results: SONIC Earnings Results: SONIC (ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 5.85 บาท) กําไร 3Q64 ทํา A Time High อย่างโดดเด่น - กําไร 3Q64 ที่ 70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 511%YoY และ 6996QoQ และนับเป็นจุดสูงสุดใหม่รายไตรมาสและ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท คาดผลประกอบการ 4Q64 ดีต่อเนื่อง และดีต่อเนื่องไปยังปี 65 จากการ ส่งออกที่ขยายตัว มีแนวโน้มปรับประมาณการกําไรปี 64 ขึ้น 30-40% หลังผลประกอบการ 9M64 ดีกว่าที่ ประเมินไว้ก่อนหน้า ราคาหุ้นระยะสั้นปรับตัวลงมาเกิดจากความกังวลด้านค่าขนส่งเรือที่ลดลง ซึ่ง Shanghai Containerized Freight Index ที่ยังอยู่ในระดับสูง โดย ณ วันที่ 5 พ.ย. 64 อยู่ที่ระดับ 4,535.92 จุด ลดลง 0.79%WoW แต่ยังนับว่าสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และช่วง 1H64 ประกอบกับถูกกดดันจากการ แปลงสิทธิ SONIC-W1 คังแนะนํา “ซื้อ” เพื่อลงทุนระยะสั้น-กลาง
Company Update: KCE (ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 101 บาท) กําไรสุทธิ 3Q64 เติบโตต่อเนื่อง - กําไรสุทธิ 3Q64 เพิ่มขึ้น 142% YoY แต่ลดลง 2% QoQ หนุนจากค่าเงินบาทอ่อนแล้วรายได้ที่เพิ่มขึ้น ปรับประมาณการกําไรสุทธิปี 65 ขึ้น 6% เป็น 3,121 ล้านบาท คาดรายได้ปี 65 เติบโตจากกําลังการผลิตที่ เพิ่มขึ้น และการปรับเพิ่มราคาขายสินค้า แนวโน้มผลประกอบการ 4Q64 ยังคงเป็นบวกจากการขยายกําลัง การผลิต และค่าใช้จ่ายด้าน Covid-19 ที่ลดลง แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมายใหม่ 101 บาท รายงานตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจที่สําคัญ - กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็น มาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 0.96MoM และเพิ่มขึ้น 6.29%YoY ซึ่งเป็น ระดับสูงสุด ตั้งแต่ ธ.ค. 2533 และสูงกว่าที่ Market Consensus คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% MoM และ เพิ่มขึ้น 5.9%YoY และเป็นการปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือน ก.ย. ที่เพิ่มขึ้น 0.4% MoM และเพิ่มขึ้น 5.4gYoY ด้านดัชนี CPI พื้นฐาน (ไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน) ในเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 0.6% MoM และ เพิ่มขึ้น 6.2%YoY สูงกว่าที่ Market Consensus คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% MoM และเพิ่มขึ้น 4.09%YoY เพิ่มต่อเนื่องจากเดือน ก.ย. ที่เพิ่มขึ้น 0.29% MoM และเพิ่มขึ้น 4.0%YoY / กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผย ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 4,000 ราย สู่ระดับ 267,000 รายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็น ระดับต่ําที่สุดนับ ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2563 และลดลงจากจากระดับ 271,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ มุมมองทางเทคนิค - เราคาดว่า SET Index วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,620-1,640 จุด / หุ้นแนะนําปัจจัย ทางเทคนิค: ASIAN YGG และ SKE
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities