ราคาน้ำมันดิบของสหรัฐอเมริกาหรือ WTI ปรับตัวลดลงหลังจากได้ทราบข้อมูลตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังจาก API ที่เพิ่มขึ้นมากถึง 3.594 ล้านบาร์เรลเมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ 1.567 ล้านบาร์เรล ข้อมูลนี้ออกมาก่อนการประชุมประจำเดือนของกลุ่มประเทศสมาชิกผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (OPEC+) ในวันนี้เกี่ยวกับการปรับปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในแต่ละเดือน ก่อนที่จะมีการประชุม โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกมากดดันกลุ่มโอเปกให้เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ
การเพิ่มขึ้นของปริมาณน้ำมันดิบทำให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลงเป็นวันที่สองติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 20 เดือนกันยายน จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค ดูเหมือนว่าขาขึ้นของ WTI เริ่มอ่อนแรงลงแล้วจริงๆ
ถึงแม้ว่าจากรูปที่เห็น จะดูเหมือนว่าราคาน้ำมันดิบยังคงไซด์เวย์ แต่พฤติกรรมการวิ่งในกรอบไซด์เวย์นั้นยิ่งดูยิ่งน่าเป็นกังวล และควรระวังการมาของแนวโน้มขาลง จากรูปจะเห็นว่ากราฟกำลังสร้างรูปแบบหัวไหล่ (Head & Shoulder) ขนาดเล็กขึ้นมา ในขณะที่อินดิเคเตอร์ RSI เริ่มลงมาจากโซน overbought นอกจากนี้อินดิเคเตอร์อย่าง MACD ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นตัดกับเส้นระยะยาวลงมาแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนบอกถึงขาขึ้นที่หมดแรงลงไปทุกวัน
ตามความเห็นของเรา แนวรับสุดท้ายที่เราจะมองว่าเป็นจุดตัดสินการเข้าสู่แนวโน้มขาลงอย่างเป็นทางการคือการที่ราคาน้ำมันดิบ WTI สามารถหลุดแนวรับ $80 ต่อบาร์เรลลงมาได้
กลยุทธ์การเทรด (ขาลง)
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอจนกว่า WTI ลงมาปิดต่ำกว่า $78 และไม่สามารถกลับขึ้นไปยืนเหนือเส้น neckline ได้อย่างน้อยสามแท่งเทียน (ยิ่งเป็นกราฟรายสัปดาห์ยิ่งดี) จากนั้นรอราคาดีดกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน แล้วหาจังหวะเข้า
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง จะรอจนกว่าราคาปิดต่ำกว่า $79 และอยู่ต่ำกว่า $80 อย่างน้อยสองวัน จากนั้นรอราคาดีดกลับขึ้นมา แต่ไม่รอสัญญาณยืนยันการเป็นขาลง
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง ทันทีที่ราคาน้ำมันดิบลงต่ำกว่า $80 ต่อบาร์เรล จะวางคำสั่งขายทันที
ตัวอย่างการเทรด
- จุดเข้า: $80
- Stop-Loss: $81
- ความเสี่ยง: $1
- เป้าหมายในการทำกำไร:$77
- ผลตอบแทน: $3
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:3