รายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3 ปี 2021 ที่ส่วนใหญ่สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้ ทำให้ดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่เมื่อคืนนี้ ขาขึ้นดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ยังคงมีความเสี่ยงจากการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตาและราคาสินค้าที่แพงขึ้นเพราะปัญหาซัพพลายเชนขาดแคลน แต่ถึงกระนั้น มากกว่า 85% ของบริษัทที่สังกัดอยู่บนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ก็ยังสามารถรายงานผลกำไรเอาชนะการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ไปได้
ผลลัพธ์เช่นนี้อาจจะทำให้โอกาสที่เฟดจะปรับลด QE ในเดือนพฤศจิกายนลดลง แต่หากมองอีกด้านหนึ่ง หากมีการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จะส่งผลดีกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และยิ่งจะส่งให้กราฟ USD/JPY ปรับตัวขึ้นต่อได้อีก ทั้งๆ ที่ตอนนี้ก็เป็นขาขึ้นที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2017 ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่จนถึงการประชุมในเดือนพฤศจิกายน ขึ้นอยู่กับธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) แล้วว่าจะสื่อสารนโยบายการเงินกับประชาชนได้ดีและเหมาะสมแค่ไหน การที่ดอลลาร์ไม่แข็งค่าขึ้นทั้งๆ ที่การประชุม FOMC ใกล้เข้ามาแล้ว เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความเชื่อมั่นของตลาดที่มีต่อเฟด ตอนนี้นักลงทุนในตลาดแทบทั้งหมดเชื่อจริงๆ แล้วว่าการปรับลด QE จะต้องเริ่มขึ้นในเดือนหน้าแน่นอน ดังนั้นเมื่อรายงานผลประกอบการในตลาดหุ้นออกมาดี ดอลลาร์จึงไม่ขยับตัวมากนัก เพราะนักลงทุนคิดว่าถึงอย่างไรดอลลาร์ก็จะแข็งค่าขึ้นเพราะผลการประชุม FOMC อยู่ดี
รายงานสรุปภาวะทางเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ข้อสรุปว่าภาพรวมของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระยะสั้นยังเป็นบวก แต่ในบางภูมิภาคก็ยังเผชิญกับความเสี่ยงที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะชะลอตัว และบางพื้นที่จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับเดือนก่อน เมื่อนำข้อมูลนี้ไปประกอบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นักลงทุนจึงกล้าที่จะเสี่ยง นำเงินออกไปลงทุนกับสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ในตลาดอื่นมากกว่าเช่นดอลลาร์ออสเตรเลียและดอลลาร์นิวซีแลนด์ ถึงจะเสี่ยง แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะได้กำไรมากกว่าจากการเติบโตของภูมิภาคอื่นที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อมากนัก และนั่นเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของแคนาดาที่สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้ และตัวเลขเงินเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรที่ขึ้นไม่ถึงตัวเลขคาดการณ์ทำให้คู่สกุลเงินปอนด์และดอลลาร์แคนาดาแข็งค่าขึ้น ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหราชอาณาจักรในเดือนกันยายนปรับตัวขึ้น 0.3% เทียบกับตัวเลข 0.7% ในเดือนสิงหาคม ในขณะที่ตัวเลขแบบปีต่อปีก็ลดลงจาก 3.2% เป็น 3.1% อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ได้ออกมาเตือนนักลงทุนว่าอย่าพึ่งหลงดีใจกับตัวเลขเงินเฟ้อที่ลดลง เพราะอย่าลืมว่าในเดือนสิงหาคม ประชาชนยังได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลอยู่ ซึ่งแตกต่างจากเดือนกันยายน ธนาคารกลางอังกฤษยังคงเป็นกังวลกับราคาสินค้าที่แพงขึ้น
ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคของแคนาดา ตัวเลขดังกล่าวปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ในขณะที่ตัวเลข CPI แบบปีต่อปีก็ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 4.1% เป็น 4.4% จึงสามารถพูดได้ว่าตัวเลข CPI เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กราฟ USD/CAD วิ่งลงสู่จุดต่ำสุดในรอบสามเดือน ดอลลาร์ออสเตรเลีย และดอลลาร์นิวซีแลนด์ยังคงแข็งค่าต่อไป เช่นเดียวกับสกุลเงินยูโรที่ได้โอกาสแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐเพราะดัชนีราคาผู้ผลิตจากเยอรมันออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์