Investment Ideas:
ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,615-1,640 จุด SET วานนี้ (19 ต.ค.) ปรับลดลง สวนทางกับตลาดในภูมิภาค เราให้น้ําหนักเป็นเพียงแรงขายทํากําไร โดยเฉพาะหุ้น ในกลุ่มที่ปรับเพิ่มขึ้น Outperform ในช่วงที่ผ่านมา หุ้นในกลุ่ม Re-opening หุ้นในกลุ่มพลังงานและ ธนาคาร อย่างไรก็ตาม ปัจจัยพื้นฐานยังไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะราคาน้ํามันดิบที่กลับมาปิดบวก จากการคาดหมาย Demand ที่เพิ่มขึ้น หลังสหรัฐฯ ประกาศเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีน ครบโดยเข้าประเทศ เริ่ม 8 พ.ย. เรายังเลือก PTTEP เป็นหุ้นเด่น รวมไปถึงหุ้นในกลุ่มที่ได้ประโยชน์ จากมาตรการเปิดประเทศ และภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศที่กลับมาฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปี 2564 ถึงปี 2565 (KBANK (BK:KBANK) ITB AAV ERW SHR BEM WHA BBL ADVANC CPALL (BK:CPALL) MAKRO BJC CRC และ HMPRO) ภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2564 ถึงปี 2565 ทําให้เราประเมิน Target SET ในปี 2565 ไว้ที่ 1,750 จุด ถึง 1,770 จุด (เทียบ 18.3xPE'65 ถึง 18.5xPE'65) IMF ปรับลดประมาณการ GDP เอเซียลง รวมทั้งไทย แต่ปี 65 ยังเชื่อว่า GDP ขยายตัวในอัตราที่เพิ่มขึ้น เราประเมิน Target SET ในปี 2565 ไว้ที่ 1,750 จุด ถึง 1,770 จุด - กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงาน Regional economic outlook : Asia and Pacific ระบุการปรับลดประมาณการ GDP เอเชียในปี 2564 โดย IMF คาดว่าเศรษฐกิจเอเชียจะมีการขยายตัว 6.5% ในปี 2564 ต่ํากว่ารายงานรอบ เม.ย. ที่ระบุว่า GDP เอเชีย จะขยายตัว 7.6% แต่มีการปรับเพิ่มประมาณการ GDP เอเชียในปี 2565 เพิ่มขึ้น จาก 5.3% เป็น 5.7% แต่ยังมีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยเฉพาะในภูมิภาค อาเซียน ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน แรงกดดันจากเงินเฟ้อ และการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจทําให้เกิดกระแสเงินทุนไหลออกจากกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย ขณะที่ IMF คาด GDP จีนในปี 2564 และ 2565 ขยายตัว 8.0% และ 5.6% ด้านเศรษฐกิจไทย IMF คาด GDP ไทยขยายตัว 1.0% ในปี 2564 และ 4.5% ในปี 2565 ลดลงจากประมาณการเดิม ที่ 2.6% และ 5.7% ตามลําดับ อย่างไรก็ตาม เรามีมุมมองเป็นบวกต่อ SET ในช่วงที่เหลือของปี 2564 ถึงปี 2565 จากอัตราเงินเฟ้อ ที่เร่งตัว และการกลับมาขยายตัวในอัตราที่เพิ่มขึ้น ในปี 2565 จะเป็นปัจจัยบวกต่อ ภาพรวมการลงทุน รวมไปถึงผลประกอบการปี 2565 ที่เราคาดว่าจะเติบโตในระดับ 14.5%YoY เราประเมิน Target SET ในปี 2565 ไว้ที่ 1,750 จุด ถึง 1,770 จุด (เทียบ 18.3xPE'65 ถึง 18.5xPE'65)
AP รายงานสํารองน้ำมันเพิ่มมากกว่าคาด แต่ภาพรวม Demand ยังแข็งแกร่ง เลือก PTTEP เป็นหุ้นเด่น - สถาบันปิโตรเลียมแห่งสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณสํารองน้ํามันดิบ ภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ สัปดาห์ที่ ผ่านมา (สิ้นสุด 15 ต.ค.) เพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ Market Consensus คาดไว้ที่ 2.2 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ปริมาณสํารองน้ํามันสําเร็จรูป ทั้งน้ํามันดีเซล และน้ํามันเบนซีน ลดลง 3 ล้านบาร์เรล และ 3.5 ล้านบาร์เรล ตามลําดับ ยังเป็นภาพสะท้อนความต้องการใช้น้ํามันดิบที่เพิ่มขึ้น ด้านสํานักงานสารสนเทศด้าน พลังงานสหรัฐฯ (EIA) มีกําหนดรายงานปริมาณสํารองน้ํามันดิบรวมทั้งสหรัฐฯ คืนนี้ (20 ต.ค.) เวลา 21.30 น. ตามเวลาไทย โดย Market Consensus คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล เราประเมินว่าราคา น้ํามันดิบยังมีโอกาสตอบรับเชิงบวกจากความต้องการใช้น้ํามันที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล โดยเฉพาะประเทศในเขต ซีกโลกเหนือ ที่มีสภาพอากาศหนาวเย็น รวมถึงจีน ขณะที่อุปทานยังคงมีจํากัด เรามองเป็นบวกต่อ Oil Play เราเลือก PTTEP (ซื้อ., ราคาเป้าหมาย 140 บาท) ขณะที่กลุ่มโรงกลั่น เราให้น้ําหนักเก็งกําไร แม้มีปัจจัยหนุน ด้าน Demand แต่ Valuation เริ่มจํากัด บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานวันนี้ - Earnings Preview: BCH และ LPN Earnings Preview: BCH (ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 29 บาท) แนวโน้มกําไรสุทธิ 3Q64 ทําสถิติ New High - แนวโน้มกําไรสุทธิ 3Q64 ทําสถิติ New High อีกครั้ง รายได้เติบโตต่อเนื่อง หนุนจากรายได้เกี่ยวกับ COVID-19 เป็นหลัก คาดอัตรากําไร 3Q64 สูงขึ้น YoY และ QoQ ภาพรวม 4Q64 อ่อนตัว QoQ แต่ยังมี วัคซีนทางเลือกช่วยหนุน โดยยังมี 4 ปัจจัยหนุน เพิ่มความน่าสนใจในการลงทุน (1) การกลับเข้ามาใช้บริการ ของผู้ป่วยปกติ (2) รายได้จากโรงพยาบาลใหม่ 3 แห่ง (3) การกลับเข้ามาใช้บริการของผู้ป่วยชาวต่างชาติ และ (4) จํานวนผู้ประกันตน ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น แนะนํา “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 29.00 บาท มุมมองทางเทคนิค - เราคาดว่า SET Index วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,615-1,640 จุด หุ้นแนะนําปัจจัย ทางเทคนิค - VIBHA YGG และ MICRO
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities