ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเพียงไม่นานเราก็เข้าสู่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2021 กันแล้ว การระบาดของเชื้อไวรัส-19 นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงมากมาย ผู้คนเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต เทคโนโลยีมีความสำคัญมากขึ้น เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างที่ไม่ได้เห็นมานานนับตั้งแต่วิกฤตปี 2008 ปัญหาซัพพลายเชนขาดแคลน และที่สำคัญคือการทะยานสร้างจุดสูงสุดใหม่ของสินทรัพย์ทางเลือก ซึ่งรวมไปถึงสกุลเงินดิจิทัลอย่างบิทคอยน์และอีเธอเรียม
อันที่จริงปีนี้เองบิทคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ก็วิ่งอย่างผันผวนอยู่พอสมควร ในช่วงกลางไตรมาสที่สองเราได้เห็นบิทคอยน์ทะยานแตะจุดสูงสุดที่ $65,520 ก่อนที่จะลงมาทำจุดต่ำสุดที่ $28,800 ในวันที่ 21 มิถุนายน ก่อนที่จะวิ่งกลับขึ้นมายืนเหนือ $57,000 ได้อีกครั้งในปัจจุบัน
พฤติกรรมของบิทคอยน์ในตอนนี้นำมาซึ่งคำถามที่ว่าเป็นไปได้ไหมที่จะได้เห็นบิทคอยน์และอีเธอเรียมทำไฮใหม่ก่อนสิ้นปี 2021 แม้ว่าผมจะไม่สามารถฟันธงได้อย่างชัดเจนว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ แต่ในบทความนี้ผมมีทั้งปัจจัยสนับสนุนและปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับตลาดคริปโตฯ ในช่วงสิ้นปีมาให้พิจารณา
ภาพรวมทางเทคนิคของบิทคอยน์และอีเธอเรียม
กราฟรายสัปดาห์ในรูปด้านล่างนี้แสดงให้เห็นช่วงเวลาที่สกุลเงินดิจิทัลขึ้นไปทำจุดสูงสุดตลาดกาลที่ $65,520 ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลคอยน์เบส (NASDAQ:COIN) เปิดให้บริการพอดี หลังจากนั้นบิทคอยน์ก็ร่วงลงไปถึงจุดต่ำสุดที่ $28,800 ก่อนที่จะวิ่งกลับขึ้นมายัง $53,125 ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน
ที่มา: CQG
จากการพิจารณาด้วยเครื่องมือ Fibonacci Retracement โดยวัดจากจุดต่ำสุดที่ $5,000 ขึ้นไปถึงจุดสูงสุด $65,520 จะพบว่าการย่อลงมาของบิทคอยน์คิดเป็นประมาณ 50% ของเวฟทั้งหมดเท่านั้น มีโอกาสที่ราคาบิทคอยน์จะปรับตัวขึ้นต่อและสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ภายในก่อนสิ้นปี 2021 นี้
ในขณะเดียวกันอีเธอเรียมก็ได้วิ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ $4,406.50 ในสัปดาห์ของวันที่ 10 พฤษภาคม ก่อนที่จะวิ่งลงมาทำจุดต่ำสุดในช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ $1,697.75 การฟื้นตัวของตลาดคริปโตฯ ในช่วงต้นเดือนกันยายนทำให้อีเธอเรียมสามารถขยับขึ้นไปยืนเหนือ $4,000 ได้อีกครั้ง ก่อนที่จะมีราคาซื้อขายเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอยู่ที่ $3,570
ที่มา: CQG
ความผันผวนคือเรื่องปกติของโลกคริปโตฯ
ความจริงอย่างหนึ่งที่นักลงทุน (โดยเฉพาะหน้าใหม่) ต้องยอมรับและทำใจให้ได้คือตลาดสกุลเงินดิจิทัลเป็นพื้นที่ที่มีความผันผวนสูงกว่าตลาดลงทุนอื่นๆ การขึ้นลงทีละ $10,000 ของสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์ แม้จะน่าตื่นเต้น แต่ก็เป้นเรื่องปกติที่นักลงทุนที่อยู่มานานเห็นกันจนชินตาแล้ว
ที่มา: CQG
กราฟรายสัปดาห์รูปนี้คือความผันผวนของกราฟบิทคอยน์ฟิวเจอร์สที่ลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 52.20% และสร้างจุดสูงสุดที่ 128.50% ในปี 2021
ที่มา: CQG
เช่นกัน นี่คือกราฟรายสัปดาห์ของอีเธอเรียมฟิวเจอร์สที่ลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 79.82% และสร้างจุดสูงสุดที่ 149.95% นับตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2020
ปัจจัยสนับสนุนให้สกุลเงินดิจิทัลมีโอกาสสร้างจุดสูงสุดใหม่
- ภาคธุรกิจเปิดรับและยอมรับสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น
- สถาบันการเงินอนุญาตให้นักลงทุนสามารถแบ่งสินทรัพย์ไปลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลได้
- การที่รัฐบาลมีนี้เพิ่มสูงขึ้นจนนำไปสู่การขอขยายเพดานหนี้ทำให้ผู้คนเริ่มหมดศรัทธาในสกุลเงินที่รัฐบาลเป็นคนออก
- เอลซัลวาดอร์อนุญาตให้บิทคอยน์เป็นสกุลเงินประจำชาติแล้ว และหลายๆ ประเทศกำลังจะดำเนินรอยตาม
- เงินเฟ้อกัดกินมูลค่าของสกุลเงินในปัจจุบัน เพิ่มความน่าสนใจให้กับตัวกลางประเภทอื่นๆ มากขึ้น
- การเติบโตของโลกสกุลเงินดิจิทัลนับวันก็ยิ่งดึงดูดนักลงทุนจากหลายๆ ตลาดเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ
- แนวโน้มขาตลาดสกุลเงินดิจิทัลตอนนี้เป็นขาขึ้น เมื่อถูกขนานนามว่าเป็นขาขึ้น ยิ่งดึงดูดนักลงทุนเข้ามาเป็นธรรมดา
ปัจจัยกดดันตลาดสกุลเงินดิจิทัล
- ยิ่งโลกสกุลเงินดิจิทัลเติบโตขึ้นมากเท่าไหร่ ภาครัฐก็ยิ่งหาโอกาสเข้ามาควบคุมมากขึ้นภายใต้ข้ออ้าง “เพื่อความปลอดภัยของประชาชน”
- การคุ้มครองความปลอดภัยในโลกคริปโตฯ ยังถือว่าต่ำและเข้าถึงได้ยากสำหรับคนที่ไม่มีความรู้อะไรเลย
- เทคโนโลยีในยุคปัจจุบันยังไม่เอื้อต่อการสร้างสกุลเงินดิจิทัลที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้
- การเติบโตของสกุลเงินดิจิทัล หมายถึงการเสียอำนาจควบคุมทางการเงินจากรัฐบาล แน่นอนว่าไม่มีรัฐบาลไหนยอมเรื่องนี้อย่างง่ายดายแน่นอน ประเทศจีนแบนการใช้งานสกุลเงินดิจิทัลทุกรูปแบบไปแล้ว ส่วนสหรัฐอเมริกานั่น เรย์ ดาลิโอ นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังให้ความเห็นว่าถ้ามูลค่าของตลาดแห่งนี้ใหญ่พอ รัฐบาลก็พร้อมที่จะฆ่าตลาดนี้ได้ทันที