Investment Ideas: • ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET สัปดาห์นี้ (11 ถึง 15 ต.ค.) จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,615-1,665
จุด SET มีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบ Sideway หลังปรับเพิ่มกว่า 2.1% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยยังคงได้ ประโยชน์จากทั้งปัจจัยภายในและต่างประเทศหนุน โดยเราให้น้ําหนักหุ้นในกลุ่ม Domestic สัดส่วน 70% (เน้นลงทน) และ Global play สัดส่วน 30% (เน้นเก็งกําไร) โดยเรายังให้น้ําหนักหุ้นในกลุ่ม OIL Play (PTTEP BANPU TOP และ IRPC) ที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ํามันดิบ ค่าการกลั่น และราคา ถ่านหิน ที่ปรับเพิ่มอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่หุ้นในกลุ่ม Domestic เรายังคงแนะนําหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภาคการท่องเที่ยว เราเลือก BAFS BEM SHR และ ERW หุ้นได้ประโยชน์จาก กําลังซื้อในประเทศฟื้นตัว เราเลือก KBANK (BK:KBANK) BBL ADVANC CPF CPALL (BK:CPALL) MAKRO BJC CRC และ HMPRO และ Earning Play เราเลือก NER และ SONIC ปัจจัยเสี่ยงเป็นประเด็น wait and see ได้แก่ วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในจีน สถานการณ์น้ําท่วมและการเมืองในประเทศ ติดตามรายงาน WEO ของ IMF (12 ต.ค.) คาดปรับลด GDP โลก สะท้อนความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในช่วง 3Q64 - IMF มีกําหนดเปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (WEO) ฉบับใหม่ ในสัปดาห์นี้ (12 ต.ค.) โดยรายงาน รอบก่อน (เดือน ก.ค.) IMF คาดว่า GDP โลก จะมีการขยายตัว 6% ในปี 2564 (IMF มีการปรับประมาณการ GDP ปี 2564 เพิ่มจาก 5.5% เป็น 6% ในรายงาน WEO เดือน เม.ย. ฟื้นตัวจากปี 2563 ที่ GDP โลกหดตัว 3.5%) ขณะที่รายงาน WEO ที่มีกําหนดรายงานสัปดาห์นี้ IMF อาจทําการปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของ GDP โลกในปี 2564 ขณะที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงความเสี่ยงจากปัญหาหนี้สาธารณะที่ปรับเพิ่มอย่างรวดเร็วในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ความเสี่ยงจาก อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น กดดันกําลังซื้อ นโยบายการเงินที่คาดว่าจะเข้มงวดมากขึ้นกว่าช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา และความเหลื่อมล้ําในการเข้าถึงวัคซีนต้านโควิด-19 ในหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของประเทศ ที่พัฒนาแล้ว จะกลับสู่ระดับก่อนเกิดโควิด-19 ภายในปี 2565 แต่เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่กําลังพัฒนาและตลาดเกิดใหม่จะต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าที่จะฟื้นตัวขึ้น
• มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภาคการท่องเที่ยว เป็นบวกต่อ ERW BEM และ BAFS - โครงการเราเที่ยวด้วยกันและโครงการทัวร์เที่ยวไทย จะเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมการท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือของปี 2564 โดยเฉพาะ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่เปิดลงทะเบียน 24 ก.ย. และปัจจุบันสามารถเปิดจองที่พักโรงแรมสําหรับการ ท่องเที่ยว (เริ่มเข้าพักได้จริง ตั้งแต่ 15 ต.ค.) โดยโครงการดังกล่าวจะ จูงใจและเพิ่มกําลังซื้อ โดยให้ส่วนลด ค่าที่พัก 40% (สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือต่อคืน และสูงสุดไม่เกิน 15 ห้อง/หรือคืน + คูปอง 600 บาทต่อวัน เป็นส่วนลดค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวที่ร่วมโครงการ) ส่วนทัวร์เที่ยวไทย จะได้ส่วนลด 40% สําหรับราคาแพคเกจท่องเที่ยว (สูงสุดไม่เกิน 5,000 บาทต่อคน) เรามองเป็นบวกต่อหุ้นที่เกี่ยวกับการ ท่องเที่ยว โดยเราเลือก ERW BEM และ BAFS เป็นหุ้นเด่น รวมไปถึงหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องได้แก่ หุ้นในกลุ่ม Aviation (AOT (BK:AOT) BA และ AAV) หุ้นในกลุ่มโรงแรม (SHR MINT และ CENTEL) หุ้นในกลุ่ม Medical Tourist (BDMS) หุ้นที่ได้ประโยชน์ทางอ้อม ได้แก่ ADVANC และ CPALL
• บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน วันนี้ - Earrings Preview: HMPRO (ซื้อ., ราคาเป้าหมาย 16.5 บาท) ปิดสาขาชั่วคราวกดดันผลประกอบการแค่ ระยะสั้น - ผลปิดสาขาชั่วคราว กระทบกําไรสุทธิ 3Q64 เราคาดว่า SSSG ใน 3Q64 หดตัว 12%YoY จากการปิดสาขาในไทยและมาเลเซีย สัดส่วนยอดขายออนไลน์เพิ่มเป็น 10% จาก 6% ใน 2Q64 อัตรากําไร ขั้นต้นลดลง YoY จากสัดส่วน Sales mix ที่เปลี่ยนไป สถานการณ์น้ําท่วมกระทบจํากัด และคาดดีมานด์เพิ่มหลังน้ำท่วม แนะนํา “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 16.50 บาท • มุมมองทางเทคนิค - เราคาดว่า SET Index วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,630-1,650 จุด
หุ้นแนะนําปัจจัยทางเทคนิค - KKP CENTEL และ BAFS
• รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สําคัญ - กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้นเพียง 194,000 ตําแหน่ง ต่ํากว่าที่ Market Consensus คาดไว้ที่ระดับ 500,000 ตําแหน่ง และเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงจาก เดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 366,000 ตําแหน่ง นอกจากนี้อัตรา การว่างงาน ในเดือน ก.ย. ปรับตัวลงสู่ระดับ 4.8% (ต่ํากว่าคาดที่ 5.1% และต่ําสุดตั้งแต่ ก.พ. 2563) และ ลดลงต่อเนื่องจากเดือน ส.ค. ที่ระดับ 5.2%
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities