หลังจากที่ตลาดสกุลเงินดิจิทัลถูกกดดันด้วยขาลงมาตลอดนับตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน ในวันนี้ดูเหมือนว่าราชาสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์จะได้โอกาสเฉิดฉายใหม่อีกครั้ง ในวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา บิทคอยน์และอีเธอเรียมได้กลับเข้าสู่โหมดขาขึ้นอีกครั้ง บิทคอยน์สามารถวิ่งขึ้นยืนเหนือ $51,000 ได้ ในขณะที่อีเธอเรียมวิ่งเข้าใกล้ระดับราคา $3,500 ในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่ บิทคอยน์สามารถขึ้นแตะ $55,000 ได้แล้ว ในขณะที่อีเธอเรียมมีราคาซื้อขายอยู่ที่ $3,550
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้อาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าตลาดคริปโตฯ อาจจะกำลังกลับมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนอีกครั้ง แน่นอนว่าไม่มีอะไรน่าสนใจไปมากกว่าโอกาสในการลงทุนกับบิทคอยน์และอีเธอเรียม โดยเฉพาะนักเก็งกำไร พวกเขาล้วนแล้วแต่มีส่วนกับการทำให้มูลค่าของเหรียญบิทคอยน์ที่เคยมีอยู่เพียง 5 เซนต์ เท่านั้นในปี 2010 กลายมาเป็น $65,500 ในวันที่ 14 เมษายน หากคุณเป็นคนที่ลงทุนกับบิทคอยน์ด้วยเงินเพียง $10 ในปี 2010 ตอนนี้เงินของคุณจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากถึง $31.1 ล้านเหรียญสหรัฐ
ไม่มีนักลงทุนคนไหนไม่รักตลาดขาขึ้น ความหวังที่จะได้เป็นเจ้าของ “นิวบิทคอยน์และนิวอีเธอเรียม” ได้ทำให้ตลาดสกุลเงินดิจิทัลทุกวันนี้มีสกุลเงินทั้งหมด 12,350 เหรียญ เรียกความสนใจจากนักลงทุน และนักเก็งกำไรเข้ามาในตลาดมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม การที่จะครอบครองสกุลเงินดิจิทัลอันดับต้นๆ ของตลาดทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไปแล้ว การที่จะครอบครองบิทคอยน์ให้ได้หนึ่งเหรียญ คุณจะต้องใช้เงินมากถึง $54,000 ถึงจะได้มาซึ่งหนึ่งบิทคอยน์ เมื่อการครอบครองเหรียญที่มีชื่อเสียงมันยากนัก นักลงทุนหน้าใหม่จึงให้ความสนใจกับสกุลเงินดิจิทัลน้องใหม่ ที่ดูแล้วมีอนาคตไกล และมีศักยภาพมากพอที่อาจจะเติบโตกลายเป็นยักษ์ตัวใหญ่ได้ในอนาคต
แต่ถึงจะชอบเห็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากกลุ่มสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัลบนบล็อกเชน ชอบที่จะได้เห็นพื้นที่นี้ได้กลายเป็นสถานที่รองรับการขยายจินตนาการอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกสกุลเงินดิจิทัลจะกลายเป็นอนาคตได้หมด ดังนั้นผู้ที่ท่องอยู่ในโลกใบนี้จึงต้องมีทักษะการประเมินว่าสกุลเงินไหนควรหรือไม่ควรที่จะลงทุน และที่สำคัญ หากคิดจะลงทุนในวงการนี้จงใช้เงินเย็นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะไปกู้ยืมเพื่อมาลงทุนเด็ดขาด
แล้วคริปโตฯ แบบไหนบ้างที่สามารถถือครองได้อย่างอุ่นใจ? สำหรับผม เกณฑ์การเลือกของผมคือต้องเป็นสกุลเงินที่อยู่ในความสนใจเป็นอย่างมากในหมู่นักลงทุน เมื่อมองไปในตลาด สัปดาห์นี้ยังไม่มีสกุลเงินไหนโดดเด่นเท่า ForeverFOMO (FOREVERFOMO) และ GravitX (GRX) ในบทความนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักกับทั้งสองสกุลเงิน
สกุลเงินอันดับที่ 3,287 ของโลกคริปโต: ForeverFOMO
สกุลเงินนี้เป็นเหรียญที่ค่อนข้างจะตรงไปตรงมากับชื่อของสกุลเงิน ถ้าในเมื่อนักลงทุนกลัวการที่จะตกรถ หรือลงทุนไม่ทันมากนัก ก็ให้พวกเขาขึ้นไปอยู่บนรถไฟเหาะขบวนนี้ตลอดไป ผู้สร้างจึงได้สร้างสกุลเงินที่มีความยืดหยุ่นสูง ผันผวนไปตามการขึ้นลงของซัพพลายสกุลเงินดิจิทัลในตลาด หมายความว่ามูลค่าของสกุลเงินนี้จะขึ้นลงตามมูลค่าของตลาดสกุลเงินดิจิทัล ณ ขณะนั้นๆ
เหรียญ ForeverFOMO เปิดให้ทำการซื้อขายในวันที่ 24 กันยายนปี 2021 มีราคาซื้อขายต่อหนึ่งเหรียญอยู่ที่ $0.0000021
ที่มา: CoinMarketCap
กราฟรูปนี้แสดงให้เห็นช่วงเวลาที่เหรียญ ForeverFOMO สร้างจุดสูงสุดที่ $0.6478.62 ในวันที่ 6 ตุลาคม ปัจจุบันสกุลเงินดิจิทัลนี้อยู่ในอันดับที่ 3,287 จากการจัดอันดับของเว็บไซต์ CoinMarketCap ขาขึ้นของเหรียญ ForeverFOMO สามารถขึ้นไปอยู่ในกลุ่ม 26.6% ของกลุ่มสินทรัพย์ระดับบนของตลาดได้
สกุลเงินอันดับที่ 3,412 ของโลกคริปโต: GravitX
เป็นสกุลเงินน้องใหม่ที่พึ่งเปิดตัวในตลาดได้ไม่นาน มีอันดับอยู่ต่ำกว่าสกุลเงิน ForeverFOMO เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม นี่เป็นสกุลเงินประเภทเดียวกันกับ ForeverFOMO คือเป็นสกุลเงินที่มีมูลค่าขึ้นลงตามอุปสงค์อุปทานของบิทคอยน์ เมื่อไหร่ก็ตามที่ตลาดสกุลเงินดิจิทัลมีความต้องการมาก สกุลเงินเหล่านี้ปรับตัวสูงขึ้น GravitX (GRX) ได้รับการออกแบบให้มีราคาเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 12% ในทุก 8 ชั่วโมง ซึ่งหมายความว่าราคาของโทเค็นจะปรับตัวขึ้นเสมอ
กราฟรูปนี้แสดงให้เห็นช่วงเวลาที่เหรียญ GRX ปรับตัวขึ้นจาก $0.016 ในวันที่ 24 กันยายน ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดที่ $26.17 ในวันที่ 3 ตุลาคม ในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้ มูลค่าของ GRX มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $24.17 อยู่ในอันดับที่ 3,412 จากการจัดอันดับของเว็บไซต์ CoinMarketCap ขาขึ้นของเหรียญ GRX สามารถขึ้นไปอยู่ในกลุ่ม 27.6% ของกลุ่มสินทรัพย์ระดับบนของตลาดได้
หากใครที่กำลังสนใจจะลงทุนกับสองสกุลเงินนี้ในตอนนี้อาจจะต้องผิดหวัง เพราะการปรับตัวขึ้นของบิทคอยน์ในปัจจุบันทำให้มูลค่าของ ForeverFOMO และ GRX มีราคาสูงมาก อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าจะหมดหวังเสียทีเดียว เพราะสกุลเงินประเภทนี้ถูกออกแบบมาให้ปรับตัวขึ้นเมื่อไหร่ก็ตามที่ตลาดมีความผันผวนสูง ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องรอให้บิทคอยน์หรืออีเธอเรียมปรับตัวขึ้น สกุลเงินประเภทนี้จึงจะปรับตัวขึ้นได้