ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนในตลาดใดก็ตาม ตอนนี้คงถึงเวลาที่ทุกคนต้องหันมาสนใจหุ้นกลุ่มพลังงานกันแล้ว ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดพลังงานหลักของโลกอย่างน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติพุ่งขึ้นสร้างจุดสูงสุดใหม่อย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อนในรอบหลายปี
ขาขึ้นในตลาดพลังงานตอนนี้ทำให้กองทุน ETF ที่ลงทุนกับหุ้นพลังงานหลายตัวปรับตัวขึ้น ยกตัวอย่างเช่นกองทุน SPDR S&P Oil & Gas Exploration & Production Fund NYSE:XOP) ที่ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันสามารถปรับตัวขึ้นมาได้ 75% สร้างจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2019 แซงหน้าดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ภายในกรอบเวลาเดียวกันสามารถปรับตัวขึ้นได้เพียง 16% เท่านั้น
ท่ามกลางสภาวะเช่นนี้ มีหุ้นตัวไหนบ้างที่จะได้อานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน บทความนี้จะพาคุณไปดู
1. Pioneer Natural Resources
- ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +59.7%
- มูลค่าตามราคาตลาด:$42,300 ล้านเหรียญสหรัฐ
Pioneer Natural Resources (NYSE:PXD) เป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตและสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา จุดประสงค์ของการสำรวจแหล่งพลังงานของบริษัทนี้เพื่อสร้างและพัฒนา รวมไปถึงการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG)
ตลอดทั้งปี 2021 หุ้น PXD ปรับตัวขึ้นมาแล้วประมาณ 60% หากเทียบแบบปีต่อปีจะเห็นว่าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมามากกว่าปีที่แล้ว 110% จุดสูงสุดที่ PXD เคยทำได้ต้องย้อนกลับไปในเดือนตุลาคมปี 2018 ที่ระดับราคา $181.96 ณ ตอนนี้บริษัทไพออเนียร์ฯ มีมูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ $42,300 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นอันดับห้ารองจากบริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของวงการเช่น Exxon Mobil (NYSE:XOM), Chevron (NYSE:CVX), ConocoPhillips (NYSE:COP) และ EOG Resources (NYSE:EOG)
ถึงแม้ว่ารายงานผลประกอบการในไตรมาสที่สอง ที่เกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนสิงหาคมจะมีตัวเลขรายได้น้อยกว่าที่คาดการณ์ แต่บริษัทก็ยังกล้าที่ปรับเพิ่มตัวเลขการปันผลขึ้นเป็น $1.51 ต่อหุ้น ในรายงานผลประกอบการครั้งถัดไปที่จะเกิดขึ้นในวันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน นักวิเคราะห์ประเมินว่า PXD จะมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ $3.83 เพิ่มขึ้น 2.1% จาก $0.17 ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนกำไรนั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 154% เป็น $4,630 ล้านเหรียญสหรัฐ YoY สาเหตุก็มาจากราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่มีราคาเพิ่มขึ้น
สิ่งที่นักลงทุนอยากทราบมากที่สุดจากการรายงานผลประกอบการครั้งนี้คือตัวเลขเป้าหมายของการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในปีหน้า และแผนการลดมูลหนี้และการคืนกำไรให้กับผู้ถือหุ้น
2. Devon Energy
- ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +157.4%
- มูลค่าตามราคาตลาด:$26,200 ล้านเหรียญสหรัฐ
Devon Energy (NYSE:DVN) เป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตพลังงานอิสระในสหรัฐอเมริกา กำลังการผลิตหลักของบริษัทมาจากห้าพื้นที่ด้วยกันได้แก่ลุ่มน้ำเดลาแวร์, อีเกิล ฟอร์ด, ลุ่มน้ำพาวเดอร์ แอ่งอนาดาร์โก และอุปกรณ์สำหรับขุดหินน้ำมันในรัฐโอคลาโฮมา
ตลอดทั้งปี 2021 หุ้น DVN ปรับตัวขึ้นมาแล้วประมาณ 157% หากเทียบแบบปีต่อปีจะเห็นว่าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมามากกว่าปีที่แล้ว 324% จุดสูงสุดที่ DVN ทำได้พึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันอังคารที่มา ที่ระดับราคา $40.24 ถือเป็นจุดสูงสุดในรอบสามปี ณ ตอนนี้บริษัทเดวอนฯ มีมูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ $26,200 ล้านเหรียญสหรัฐ
ในรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่สอง เดวอนสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้อย่างง่ายดาย ด้วยตัวเลขผลกำไร $2,420 ล้านเหรียญสหรัฐ ในรายงานผลประกอบการครั้งถัดไปที่จะเกิดขึ้นในวันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน นักวิเคราะห์ประเมินว่า DVN จะมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ $0.89 เพิ่มขึ้นจาก $0.04 ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนกำไรนั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 195% เป็น $3,160 ล้านเหรียญสหรัฐ YoY
สิ่งที่นักลงทุนอยากทราบมากที่สุดจากการรายงานผลประกอบการครั้งนี้คือรายละเอียดแผนการปันผลคืนให้กับนักลงทุน เดวอนเคยประกาศในไตรมาสที่สองว่าจะเพิ่มเงินปันผลรายไตรมาสขึ้นเป็น $0.49 คิดเป็นการปรับเพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่เคยปันผลเดิม
3. Diamondback Energy
- ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +115.2%
- มูลค่าตามราคาตลาด:$18,100 ล้านเหรียญสหรัฐ
บริษัทสุดท้ายที่เราจะแนะนำในบทความนี้คือ Diamondback Energy (NASDAQ:FANG) พวกเขาเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่ Permian basin ด้วยตำแหน่งนี้จึงทำให้ไดมอนด์แบ็คกลายเป็นผู้ผลิตน้ำมันหลักในภูมิภาคนี้ พวกเขาจ่ายน้ำมันให้กับรัฐเท็กซัสทางตะวันตก และทางตอนใต้ของนิวเม็กซิโก คิดเป็น 30% ของการผลิตน้ำมันภายในประเทศในพื้นที่นั้น
ตลอดทั้งปี 2021 หุ้น FANG ปรับตัวขึ้นมาแล้วประมาณ 115% หากเทียบแบบปีต่อปีจะเห็นว่าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมามากกว่าปีที่แล้ว 241% จุดสูงสุดที่ FANG ทำได้เมื่อวันอังคารอยู่ที่ระดับราคา $104.16 ถือเป็นจุดสูงสุดในรอบสองปี ณ ตอนนี้บริษัทไดมอนด์แบ็คมีมูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ $18,100 ล้านเหรียญสหรัฐ
ไดมอนด์แบ็คมีรายงานผลประกอบการที่สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้ในไตรมาสที่สอง ดังนั้นในรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สาม ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 1 พฤศจิกายน นักวิเคราะห์จึงคาดการณ์ว่าไดมอนด์แบ็คจะมีตัวเลขการปันผลต่อหุ้นอยู่ที่ $2.65 และจะมีกำไรในไตรมาสนั้นอยู่ที่ $1,490 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 327% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว สิ่งที่นักลงทุนต้องการทราบเพิ่มเติมในรายงานผลประกอบการครั้งนี้คือแนวทางการดำเนินงานในปี 2022 ที่คำนวณมาจากราคาสินค้าพลังงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในตอนนี้
อีกสิ่งหนึ่งที่นักลงทุนต้องการทราบก็คือแผนการปันผลคืนกำไรให้กับผู้ถือหุ้น ในรูปแบบของการเพิ่มเงินปันผลและการซื้อหุ้นคืน เมื่อเดือนที่แล้วบอร์ดบริหารของไดมอนด์แบ็คพึ่งอนุญาตให้มีการซื้อหุ้นคืนในวงเงิน $2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ การซื้อหุ้นคืนครั้งนี้ผู้บริหารต้องการนำเงินที่ได้ 50% ไปปันผลคืนแก่ผู้ถือหุ้น เมื่อไม่นานมานี้บริษัทพึ่งประกาศเพิ่มเปอร์เซ็นต์การปันผลรายปีขึ้นเป็น 12.5% คิดเป็นเงิน $1.80 ต่อหุ้น