ถือเป็นช่วงเวลาที่บีบหัวใจสำหรับคนที่ถือสกุลเงินดิลิทัลอยู่และคนที่กำลังภาวนาให้ตลาดคริปโตฯ ลงเพราะตัวเองตกรถไปแล้ว ใครจะไปคิดว่าตลาดคริปโตฯ (โดยเฉพาะสกุลเงินดิจิทัลหลักอย่างบิทคอยน์และอีเธอเรียม) ที่เคยลงมาจากจุดสูงสุด $65,520 และ $4,406.50 จะสามารถวิ่งกลับขึ้นมายัง $50,000 และ $3,940 ภายในช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือน
ในขณะที่นักลงทุนฝ่ายอนุรักษ์นิยมมากมายยังคงมองว่าคริปโตฯ เป็นเพียงขยะ ไม่ว่าจะเป็นวอรร์เรน บัฟเฟตที่เคยกล่าวหาว่าบิทคอยน์เป็นเพียง “หนูสกปรกในโลกการเงิน” และล่าสุดจอห์น พอลสัน นักลงทุนที่เคยประสบความสำเร็จหลักพันล้านในวิกฤตการเงินปี 2008 กล่าวว่า “โลกคริปโตฯ เป็นฟองสบู่ที่ใหญ่และไร้สาระที่สุดของประวัติศาสตร์มนุษยชาติ” แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ฝ่ายที่สนับสนุนและถือครองบิทคอยน์อยู่ตอนนี้เริ่มมองความเป็นไปได้ที่ $100,000 ต่อหนึ่งบิทคอยน์แล้ว ส่วนอีเธอเรียมก็ตั้งเป้าเอาไว้ที่ $8,000
สถานการณ์ตลาดคริปโตฯ ในปัจจุบัน
สัปดาห์ที่แล้ว ราชาสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์สามารถปรับตัวกลับขึ้นไปยืนเหนือ $50,000 ได้อีกครั้ง ในขณะที่อีเธอเรียมก็สามารถขยับขึ้นไปวิ่งอยู่ที่ราวๆ $4,000 ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ขาขึ้นครั้งนี้เริ่มต้นขึ้น จนถึงปัจจุบัน ขาขึ้นดังกล่าวยังไม่แผ่วลงเลย
ที่มา: CQG
กราฟบิทคอยน์ฟิวเจอร์สที่จะส่งมอบในเดือนกันยายนเริ่มทำจุดต่ำสุดใหม่ที่สูงกว่าจุดต่ำสุดเก่ามาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม และจากวันนั้นก็ทรงตัวอยู่ในขาขึ้นเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน จุดสูงสุดที่บิทคอยน์ฟิวเจอร์สามารถทำได้ในตอนนี้คือ $51,260
ที่มา: CQG
เช่นเดียวกันกับบิทคอยน์ฟิวเจอร์ส อีเธอเรียมฟิวเจอร์สก็สามารถปรับตัวขึ้นแตะ $4,000 ได้ในวันที่ 3 กันยายน คิดเป็นมูลค่าเหรียญที่เพิ่มขึ้นมาสองเท่าจากจุดต่ำสุดในเดือนมิถุนายน
หากพิจารณาจากจุดต่ำสุดในเดือนมิถุนายนขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน จะพบว่าบิทคอยน์ฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว 77.8% ในขณะที่อีเธอเรียมฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้มากถึง 136% ข้อมูลเมื่อวันศุกร์ที่ 3 กันยายนระบุว่าตอนนี้มูลค่าตามราคาตลาดของสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์มีมูลค่าอยู่ที่ $951.745 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 41.6% ของมูลค่าตลาดของสกุลเงินดิจิทัลทั้งตลาด ในขณะที่อีเธอเรียมมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ $465,477 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 20.3% ของมูลค่าตลาดสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมด
ในขาขึ้นรอบนี้มีสองสิ่งที่น่าสนใจเกิดขึ้น อย่างแรกมูลค่าตลาดของสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์ที่เคยมีมากกว่า 60% ของทั้งตลาดในตอนนี้ลดลงมาเหลือ 41.6% และอย่างที่สองคือสกุลเงินดิจิทัลทางเลือกอย่าง “คาร์ดาโน” (ADA) ที่เคยวนเวียนอยู่ในยี่สิบอันดับแรกของสกุลเงินดิจิทัลมาตั้งแต่ปี 2017 แต่กลับได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบันกลายเป็นสกุลเงินดิจิทัลอันดับสาม รองจากบิทคอยน์และอีเธอเรียมเท่านั้น
แม้ว่าปัจจุบันมูลค่าตลาดของคาร์ดาโนที่ $96.074 พันล้านเหรียญหรือ 4.2% ของทั้งตลาดจะไม่สามารถสู้อะไรกับบิทคอยน์และอีเธอเรียมได้ แต่การขึ้นมายึดครองอันดับสามของอีเธอเรียม สะท้อนให้เห็นการเติบโตของสกุลเงินทางเลือกมากขึ้น
มูลค่าตลาดสกุลเงินดิจิทัลที่สูงกว่า $2,000 ล้านเหรียญ และจำนวนสกุลเงินดิจิทัลที่มากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเรื่องที่มีข้อมูลอ้างอิงชัดเจน ในวันที่ 31 ธันวาคมปี 2020 จำนวนสกุลเงินดิจิทัลในระบบทั้งหมดมี 8,153 เหรียญ ในช่วงปลายไตรมาสที่สองของปี 2021 จำนวนสกุลเงินดิจิทัลในระบบทั้งหมดมี 10,725 เหรียญ และในสัปดาห์ที่แล้ว มีจำนวนเหรียญดิจิทัลทั้งหมด 11,600 เหรียญ แสดงให้เห็นถึงการยอมรับและการใช้งานสกุลเงินดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
กรอบราคาปัจจุบันของบิทคอยน์และอีเธอเรียม
ที่มา: CQG
กราฟรายสัปดาห์ในรูปแสดงให้เห็นกรอบราคาของสกุลเงินดิจิทัลในปัจจุบัน ตอนนี้กราฟบิทคอยน์มีจุดสูงสุดอยู่ที่ $65,520 และมีจุดต่ำสุดอยู่ที่ $28,800 แต่จากพฤติกรรมการวิ่งของราคาบิทคอยน์ล่าสุด มีแนวโน้มที่กราฟจะกลับขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเดิม มากกว่าที่จะวิ่งลงมาทดสอบจุดต่ำสุดที่บริเวณ $30,000
ที่มา: CQG
รูปนี้คือกรอบแนวรับแนวต้านรายสัปดาห์ของสกุลเงินอีเธอเรียม จากรูปเราจะเห็นแนวรับของราคาที่ $1,697.75 และแนวต้านที่ $4,406.50 การที่อีเธอเรียมสามารถขึ้นมาปิดตัวเหนือ $4,000 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยิ่งเพิ่มความเป็นไปได้ที่ว่าทั้งสองสกุลเงินอาจขยับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาล
Square: บริษัทที่อาจก้าวขึ้นมาเป็นแนวหน้าในโลกคริปโตฯ
งานสัมมนาเกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซี่ที่จัดขึ้นในช่วงฤดูร้อนของปีนี้ นายแจ็ค ดอร์ซีย์ ผู้ก่อตั้งบริษัทสแควร์ (NYSE:SQ) และเป็นแฟนบิทคอยน์ตัวยงกล่าวในงานนั้นว่า
“ช่วงเวลาในตอนนี้ทำให้ผมนึกถึงวันที่โลกเราพึ่งมีอินเตอร์เน็ตใหม่ๆ”
ในช่วงต้นเดือนมิถุนายนปี 2021 เขาเคยกล่าวว่า
“บิทคอยน์เปลี่ยนทุกอย่างที่มนุษย์เคยรู้จัก และสำหรับการทำงานของผมในชีวิตที่เหลืออยู่ ไม่มีอะไรสนุกไปกว่าการได้ทำงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานสกุลเงินดิจิทัลให้มีความสะดวกสบายมากขึ้นยิ่งกว่านี้อีกแล้ว”
นอกจากแจ็ค ดอร์ซีย์ จะเป็นผู้ก่อตั้งสแควร์แล้ว เขายังคงมีหุ้นบางส่วนกับอดีตบริษัทของเขาอย่างทวิตเตอร์ (NYSE:TWTR) อยู่ แน่นอนว่าทวิตเตอร์เราคงไม่ต้องแนะนำกันเยอะว่าเป็นบริษัทเกี่ยวกับอะไร แต่ปัจจุบัน มูลค่าตลาดของทั้งสองบริษัทรวมกันมีมากขึ้น $175,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับตัวบริษัทสแควร์เองนั้น พวกเขาเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ ในแอปพลิเคชันของสแควร์มีสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำให้แลกเปลี่ยนมากมาย แจ็คทราบดีว่าเรื่องของความปลอดภัยถือเป็นจุดอ่อนที่ฝ่ายต่อต้านมักหยิบขึ้นมาโจมตีบิทคอยน์อยู่เสมอ ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องการจะทำให้ให้โค๊ดและตัวอักษรยุ่งยากของสกุลเงินดิจิทัลกลายเป็นเรื่องหลังบ้าน และทำอย่างไรก็ได้ให้คนสามารถใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลได้ง่ายที่สุด เขาได้สร้างทวิตที่เป็นกระแสขึ้นมาเองด้วย ซึ่งมีชื่อว่า “new #Bitcoin hardware wallet.”
ที่มา: Barchart
กราฟในรูปนี้แสดงให้เห็นขาขึ้นของหุ้นสแควร์ กราฟขยับตัวขึ้นจากระดับราคา $11.20 ในเดือนพฤศจิกายนปี 2015 ขึ้นมาทำจุดสูงสุดที่ $289.23 ในเดือนสิงหาคมปี 2021 ราคาซื้อขายของหุ้นสแควร์ล่าสุดมีระดับราคาอยู่ที่ $269.74 ขาขึ้นของหุ้นสแคร์ในช่วงหกปีล่าสุด คงจะสามารถบ่งบอกความนิยมและการยอมรับโลกคริปโตฯ ในปัจจุบันได้ในระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะยังมีคนตั้งคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัย และกฎหมายอยู่ก็ตาม
ในตอนนี้เราได้ก้าวเข้าสู่เดือนกันยายน ซึ่งถือเป็นเดือนที่เก้าของปี 2021 กันแล้ว ในช่วงเวลาเช่นนี้มีโอกาสที่ตลาดสกุลเงินดิจิทัลจะกลับมาเป็นขาขึ้นเต็มกำลังได้อีกครั้ง สังเกตได้จากช่วงเวลาที่ตลาดสกุลเงินดิจิทัลเริ่มสร้างเทรนด์ขาขึ้นในปีที่แล้ว ก็เริ่มต้นขึ้นในช่วงเวลาประมาณนี้ การที่โลกเรามีการใช้งานสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น มีบริษัทเปิดให้บริการเป็นตัวกลางการแลกเปลี่ยนสกุลเงินมากขึ้น คือสัญญาณการเติบโตของวงการสกุลเงินดิจิทัล และขาขึ้นของหุ้นสแควร์ก็เป็นหนึ่งในหลักฐานยืนยันความนิยมที่ชัดเจนที่สุด