ราคา Bitcoin ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดของปีนี้ที่ 28,500 ดอลลาร์ ขึ้นมาแตะระดับ 45,000 ดอลลาร์ ถือเป็นการพ้นช่วงระยะเวลาการปรับฐานที่กินเวลานานกว่าสามเดือนได้สำเร็จ อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ Bitcoin ฟื้นตัวและยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้อีกหรือไม่??
ก่อนอื่นต้องมาย้อนดูก่อนว่าอะไรคือปัจจัยที่ทำให้ ราคา Bitcoin ปรับตัวลงแรงในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
รัฐบาลจีนสั่งห้ามขุดเหมือง Bitcoin
ข้อแรกคือการปราบปราม Bitcoin อย่างหนักของรัฐบาลจีน แม้ไม่ใช่ประเด็นใหม่เพราะจีนได้ทำการแบนสถาบันการเงินต่างๆไม่ให้ทำธุรกรรมกับสกุลเงินดิจิทัลมาตั้งแต่ปี 2017 แต่รอบนี้ได้เพิ่มการสั่งห้ามการขุดเหมือง Bitcoin ภายในประเทศขึ้นมา
การที่ประเทศจีนมีสัดส่วนของการขุดเหมือง Bitcoin เกือบ 1 ใน 4 ของการขุดบิทคอยน์ทั่วโลกส่งผลต่ออัตรากำลังขุด (Hash Rate) ที่ปรับตัวลงอย่างรวดเร็วในระยะสั้น
แต่ตอนนี้อัตราดังกล่าวเริ่มปรับตัวขึ้นสู่ภาวะใกล้ปกติแล้วและผู้ที่เคยขุด Bitcoin ประเทศจีนได้ทะยอยออกไปตั้งเหมืองใหม่ในต่างประเทศทำใหความกังวลในเรื่องดังกล่าวลดน้อยลง ภาพรวมแล้วปัจจัยพื้นฐานที่เคยมีความกังวลก่อนหน้านี้ได้คลายความสงสัยลง
ความเชื่อมั่นที่มีต่อนักลงทุนรายใหญ่
ข้อสองคือความเชื่อมั่นของนักลงทุนรายย่อยที่มีต่อนักลงทุนรายใหญ่โดยเฉพาะ Elon Musk ที่อออกมากลับลำในเรื่องของการยอมรับ Bitcoin ในการชำระเงินทำให้เกิดความผันผวนในตลาด
แต่หลังจากบริษัทจดทะเบียนที่ถือครอง Bitcoin อย่าง Tesla (NASDAQ:TSLA) และ MicroStrategy Incorporated (NASDAQ:MSTR) ต่างรายงานผลประกอบการไตรมาสสองออกมาต่างฝ่ายยังลงทุน Bitcoin ในสัดส่วนเท่าเดิมโดยไม่มีการขายออกไปแต่อย่างไร แม้มีการรายงานผลขาดทุนจากการถือครองบิทคอยน์เนื่องจากไตรมาสที่สองราคาได้ลงมาทำจุดต่ำสุดของปีนี้ บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันที่มีต่อ Bitcoin
ขณะที่ผลกระทบจากการที่ Grayscale Bitcoin Trust ซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ใน Bitcoin เปิดโอกาสให้สามารถขายหน่วยลงทุนได้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อราคา Bitcoin มากเท่าไรนักแสดงว่าผู้ลงทุนระยะยาวใน Bitcoin ยังคงเชื่อมั่นในสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทนี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาไม่ได้ปรับตัวลงแรงมากไปกว่านี้
ภาพรวมแล้วปัจจัยพื้นฐานของ Bitcoin ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแต่อย่างไร ความพยายามที่จะสะกัดกั้นการเข้าถึงสกุลเงินดิจิทัลของรัฐบาลต่างๆทั่วโลกไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพื้นฐานของ Bitcoin แต่อย่างไร
หลัง Halving ราคาจะทำจุดสูงสุดใหม่ทุกครั้งและจะยกจุดต่ำสุดใหม่ขึ้น
ในเชิงสถิติราคา Bitcoin หลังจากที่เกิด Halving ทุกๆสี่ปีราคาจะขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ทุกครั้ง โดยรอบล่าสุดราคาขึ้นไปแตะระดับ 65,000 ดอลลาร์ และหลังจากนั้นราคาจะมีการปรับฐานครั้งใหญ่ลงมาแตะระดับต่ำสุดที่ 28,500 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่มีการปรับฐานใหญ่ จุดต่ำสุดของ Bitcoin จะถูกยกสูงขึ้นทุกครั้ง
หากใช้ทฤษฎี Elliot Wave มาคาดการณ์ทิศทางของ Bitcoin ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ปัจจุบันราคายังอยู่ในช่วงของการปรับฐาน Corrective Wave ในขา B ซึ่งเป็นรอบของการฟื้นตัวจึงยังเหลือการปรับฐานอีกครั้งในขา C เพื่อที่จะจบการพักฐานในรอบใหญ่อย่างสมบูรณ์แบบเพื่อที่จะกลับมาเป็นรอบขาขึ้นอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามภาพใหญ่ของ Bitcoin ยังคงเป็นขาลง โดยการฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ปรับตัวขึ้นมาแตะระดับ Fibonacci 50% ที่ 46,850 ดอลลาร์ แล้ว ซึ่งน่าจะมีอัพไซด์อีกค่อนข้างจำกัด โดยอาจจะไปได้เต็มที่ระดับ 51,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวต้านระดับ 61.8%