•More rebound next week / Laggards / SUN SET: คาดในช่วงที่เหลือของเดือนนี้ SET Index จะอยู่ในโหมดรีบาวด์ โดยประเมินกรอบแนวต้านเบื้องต้นที่ 1590 จุดเช่นเดิม ปัจจัยหนุน หลักมองไปยังการประชุม FOMC ที่รออยู่ในวันที่ 27-28 ก.ค.นี้ ซึ่งเราเชื่อ ว่าด้วยสถานการณ์แวดล้อมปัจจุบัน Fed คงจะพยายามไม่ส่งสัญญาณใดๆ ที่เป็น Shock กับตลาดออกมา โดยเฉพาะเรื่องของ QE Tapering นอกจากนั้นอาจเป็นไปได้ที่นาย Jerome Powell ประธาน Fed จะพยายาม สิ่งสัญญาณ Forward guidance ขึ้นไปยังอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ว่า จะยังยืนอยู่ในระดับต่าต่อไปอกเป็นเวลานาน เพื่อลดความกังวลใจในตลาด โดยเฉพาะในตลาดพันธบัตรระยะสั้นที่ Bond yield ได้มีการปรับสูงขึ้นมา ก่อนหน้านี้ หากเป็นเช่นนี้จริง คาดว่าสินทรัพย์เสียงทั่วโลกมีโอกาส ดอบรับเชิงบวกในสัปดาห์หน้าได้ Strategy: ยังคงแนะน่าว่าไม่ต้องเป็นกังวลต่อจํานวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 ในประเทศมากนัก เนื่องจากคงมีทิศทางเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว จากจํานวนการ ตรวจเชื่อเชิงรุกและ Detection rate ที่สูงขึ้น (ล่าสุดอยู่ที่ 14% เข้าไป แล้ว) แต่หากในระยะสันทางการไม่ได้มีการออกมาตรการ Lockdown ใดๆ ที่เข้มข้นมากขึ้น คาดว่า SET Index จะค่อยๆไต่ระดับขึ้นได้ ด้วยเหตุนี จึงแนะนําถือครองหุ้นได้ต่อไป โดยในระยะสั้น ยังคงเน้นการถือครองไปยัง หุ้นที่องปัจจัยภายนอกอย่างกลุ่มส่งออก (ASIAN, KCE, SUN, TFG, XO) และ Logistics (LEO, SONIC, WICE) ซึ่งหากตัวเลขส่ง ออก-นาเข้าเดือนมิถุนายนที่จะออกมาในวันนี้ดีต่อเนื่อง น่าจะเป็น Sentiment เชิงบวกผลักดันราคาหุ้นได้ต่อไป โดยล่าสุดตลาดคาด ว่าจะออกมาขยายตัวที่ระดับ 38% และ 47% ตามล่าดับ Laggards: จากการตรวจสอบ MTD Performance ของชุดหุ้นแนะน่า ของเราประจําเดือนนี้ พบว่าล่าสุดให้ผลตอบแทน +2.4% สวนทางกับ SET Index ที่ให้ผลตอบแทน -2.2% สาเหตุหลักมาจากการที่เรา Overweight หุ้นเติบโตที่องกับปัจจัยภายนอกเป็นสําคัญ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม ส่งออกหรือ Logistics เองก็ตาม ไม่ว่าอย่างไรแล้วยังมีหุ้นหลายด้วในกลุ่ม แนะนํานีที่ราคายังคง Laggard อยู่ (ดูรูป) ซึ่งเรามองว่าเหมาะกับผู้ที่ ต้องการเข้าสะสมหุ้น ณ เวลานี้ ในช่วงที่ SET รีบาวด์ขึ้นมาจากแนวรับ 1530 จุดกว่า 20 จุดแล้ว โดยแบ่งออกเป็น 1) กลุ่มหุ้นที่ถึงกับภาคการส่งออก ได้แก่ XO, TFG 2) กลุ่มบรรจุภัณฑ์ ได้แก่ UTP,SFLEX, ST (ในระยะสั้นอาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบ แต่ต้นทุนดังกล่าวมีแนวโน้มอ่อนตัวลงในช่วงถัดไป)
3) กลุ่มการเงิน ได้แก่ KBANK (BK:KBANK), BAM (เหมาะกับนักลงทุนระยะยาวเนื่องจาก Earrings ในระยะสั้นไม่โดดเด่น แต่ Valuation อยู่ในโซนที่ ถูกมากแล้ว) แนวรับ 1,542 แนวต้าน 1,556 บทวิเคราะห์วันนี้ • SUN (ซื้อ ราคาเป้าหมาย9.10 บาท) คาด 2Q64F โตแม้ Low Season...ลุ้น 3Q54F ทำNew High
• SUN: หนึ่งในหุ้น Top pick ของเราประจําเดือนนี้ และถือเป็นบริษัทที่สามารถขยายกิจการผ่านการต่อยอดยอดธุรกิจใน Supply chain รวมถึงการสร้าง Value added ให้กับผลิตภัณฑ์ของตนเองได้เป็นอย่างดี ล่าสุดวันนี้เราออกบทวิเคราะห์เชิง พื้นฐานแนะนํา “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 9.10 บาท ถึงวิธี DCF (3% Terminal Growth & 12% WACC) คาดก่าไรปกติไตรมาส 2/64 ที่ระดับ 49 ล้านบาท (+34% QoQ, +14% YoY) แม้เป็นช่วง Low Season แต่ได้แรงหนุนจากกลุ่มสินค้า Ready-to-eat ที่มีอัตรากําไรขั้นต้นสูง ซึ่งสามารถช่วยชดเชยต้นทุนศที่ขนส่งที่ยังอยู่ สงได้ มองต่อไปยังข้างหน้า กําไรมี 2H64 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง สัดส่วน 666 ของกาไรทั้งปี) โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งเป็น High Season เข้าสู่ฤดูฝน และเงินบาทที่อ่อนค่าช่วยหนุนยอดส่งออก รวมถึงกําลังการผลิตที่ขยายต่อเนื่องจากMini factory ประเมินกําไรไตรมาส 3/64 เบื้องต้นที่ระดับ 100 ล้านบาท เป็นจุดสูงสุดของปี ส่วนปี 2565 ประเมินกําไรโตต่อเนื่องที่ 26%แถมมี Upside risk ที่รออยู่อย่างเช่น โครงการ Biogas ที่จะช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้า และการพัฒนาที่ดิน ราว 1,000 ไร่เพื่อปลูกข้าวโพดหวานและพืชผักที่มีมูลค่าสูงเช่นกัญชง
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities