ดาวโจนส์คือดัชนีตลาดหุ้นนำมูลค่าของบริษัทมหาชนขนาดใหญ่ 30 แห่งจากตลาดหุ้นนิวยอร์ก (NYSE) และจากตลาดแนสแด็ก (Nasdaq) มาเฉลี่ยสัดส่วนและคำนวณออกมาเป็นดัชนี ตั้งแต่ต้นปี 2021 มาจนถึงปัจจุบันดัชนีดาวโจนส์สามารถปรับตัวขึ้นมา 13.6% สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลไปเมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคม
ในตอนแรกที่ดัชนีดาวโจนส์เปิดตัวในปี 1896 ตอนนั้นหุ้นที่ถูกลิสต์ขึ้นไปบนดาวโจนส์มีเพียง 12 ตัวเท่านั้น จาก 12 บริษัทในตอนนั้น บริษัทสุดท้ายที่อยู่บนดัชนีดาวโจนส์คือบริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ (NYSE:GE) ก่อนที่จะถูกถอดออกจากดาวโจนส์ไปในปี 2019
หุ้นสามสิบตัวที่สังกัดอยู่บนดัชนีดาวโจนส์ปัจจุบันในตอนนี้ต่างก็ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมของตัวเอง จึงไม่แปลกใจเลยที่นักลงทุนจะให้ชื่อเล่นหุ้นกลุ่มนี้อีกอย่างหนึ่งว่ากลุ่มสินทรัพย์ปลอดภัยที่เชื่อถือได้ในยาวเศรษฐกิจมีความผันผวนสูง
หลายคนอาจจะทราบดีว่านอกจากดัชนีดาวโจนส์แล้ว สหรัฐฯ ยังมีดัชนีสำคัญตัวอื่นๆ แต่สิ่งที่ทำให้ดัชนีดาวโจนส์ไม่เหมือนดัชนีตัวอื่นๆ คือราคากราฟของดาวโจนส์ถูกคำนวณมาจากราคาหุ้นแต่ละตัวที่สังกัดอยู่ ซึ่งไม่เหมือนกับดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่นำเอาหุ้น 500 ตัวที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามตลาดสูงสุดของสหรัฐฯ มารวมอยู่ด้วยกัน ตลอดทั้งปี 2021 ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้นมาเกือบ 15.9%
ทุกครั้งที่เราก้าวเข้าสู่ไตรมาสใหม่ ย่อมหมายถึงช่วงเวลาแห่งการรายงานผลประกอบการได้มาถึงด้วย นักลงทุนหลายคนคงตั้งข้อสงสัยว่าเวลานี้ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่จะลงทุนกับกองทุน ETF ที่เน้นอยู่กับดัชนีดาวโจนส์หรือไม่ แม้ว่าตอนนี้เรายังคงอยู่ในช่วงเวลาที่มีความผันผวนสูงจากวิกฤตโรคระบาด และเงินเฟ้อ แต่ข้อมูลเชิงสถิติที่ลงทุนกับดาวโจนส์ในระยะยาวระบุว่ากำไรเฉลี่ยที่ได้จากการลงทุนดาวโจนส์อยู่ที่ 7% โดยประมาณ
ก่อนหน้านี้เราเคยแนะนำกองทุน ETF ที่มีความเกี่ยวข้องกับดาวโจนส์ไปแล้วสองกองทุน หนึ่งคือ SPDR Dow Jones Industrial Average ETF (NYSE:DIA) ตั้งแต่ต้นปี 2021 จนถึงปัจจุบัน DIA ได้ปรับตัวขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น 13.8% ส่วนกองทุนอีกตัวหนึ่งคือ Invesco Dow Jones Industrial Average Dividend ETF (NYSE:DJD) ที่ปรับตัวขึ้นมาทั้งปี 15.2%
เพราะฉะนั้นในบทความนี้ เราจึงขอแนะนำกองทุน ETF เพิ่มอีกหนึ่งตัว นั่นก็คือ First Trust Dow 30 Equal Weight ETF
First Trust Dow 30 Equal Weight ETF
- ระดับราคาปัจจุบัน: $30.81
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $22.96 - $31.16
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 1.51%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.50% ต่อปี
กองทุน ETF First Trust Dow 30 Equal Weight (NYSE:EDOW) เป็นกองทุนที่อ้างอิงราคาจากดัชนีดาวโจนส์โดยใช้วิธีดัชนีหุ้นที่ถ่วงน้ำหนักเท่ากัน คือดัชนีที่กำหนดให้หุ้นทุกตัวในดัชนีมีน้ำหนักเท่ากัน โดยไม่สนใจขนาดของบริษัทหรือราคาของหุ้นแต่ละตัวในดัชนี ซึ่งแตกต่างจากกองทุน ETF DIA ที่เคยแนะนำไปก่อนหน้านี้เพราะ DIA เป็นดัชนีหุ้นที่ถ่วงน้ำหนักด้วยราคาตลาด
EDOW เริ่มต้นเปิดให้ทำการซื้อขายในเดือนสิงหาคมปี 2017 มีหุ้นที่ถือครองอยู่ทั้งหมด 30 ตัว แบ่งเป็นสัดส่วนตามกลุ่มหุ้นที่ถือครองได้แก่กลุ่มเทคโนโลยีเพื่อการสื่อสาร 23.37% กลุ่มเฮลท์แคร์ 13.83% กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย 13.70% กลุ่มอุตสาหกรรม 13.25% และกลุ่มการเงิน 12.62%
สัดส่วนของหุ้น 10 อันดับแรกคิดเป็น 35% ของกองทุนทั้งหมด มีสินทรัพย์รวมแล้วทั้งสิ้น $108 ล้านเหรียญสหรัฐ หุ้นชื่อดังที่ EDOW ถือครองล้วนเป็นหุ้นของบริษัทที่เรารู้จักเป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่นไนกี้ (NYSE:NKE) แอปเปิล (NASDAQ:AAPL) ไมโครซอฟต์ (NASDAQ:MSFT) โฮมดีโป (NYSE:HD) และเซลฟอร์ซ (NYSE:CRM) เทียบกับหุ้น 5 ตัวแรกของกองทุน DIA ได้แก่ ยูไนเต็ดเฮลท์ (NYSE:UNH) โกลด์แมน แซคส์ (NYSE:GS) โฮมดีโป ไมโครซอฟต์ และแอมเจน (NASDAQ:AMGN)
ในระยะเวลา 52 สัปดาห์ล่าสุด EDOW ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 32.3% แต่หากนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน EDOW ปรับตัวขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น 13.4% ทำจุดสูดตลอดกาลเอาไว้เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) และอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชี (P/B) อยู่ที่ 22.60 และ 2.60 ตามลำดับ
ในตอนนี้แนวโน้มระยะยาวสำหรับดัชนีและกองทุนที่ติดตามผลตอบแทนยังคงเป็นขาขึ้น สะท้อนถึงสถานะโดยรวมที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ นักลงทุนที่สนใจในกองทุนที่อ้างอิงราคาตามดาวโจนส์สามารถรอให้ราคาย่อตัวลงมาก่อน แล้วจึงค่อยหาจังหวะเข้า