การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐเมื่อวานนี้ส่งให้กราฟ USD/JPY ปรับตัวขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบ 15 เดือน ตลาดหุ้นวอลล์ สตรีทและดอลลาร์ได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากความเชื่อมั่นของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ยังคงเชื่อมั่นในตัวเองและทีมเฟดว่าสามารถควบคุมเงินเฟ้อครั้งนี้ได้ นั่นจึงทำให้นักลงทุนกล้าที่ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น
เมื่อวานนี้ไม่มีคู่สกุลเงินไหนทำผลงานได้ดีเท่ากับ USD/JPY อีกแล้ว ในที่สุดกราฟก็สามารถกลับขึ้นมายืนเหนือระดับราคา 111 ได้อีกครั้ง ความต้องการที่จะถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นคือสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนหันไปถือครองสกุลเงินปอนด์และสินค้าโภคภัณฑ์มากกว่าดอลลาร์สหรัฐฯ และทำให้ดอลลาร์แม้จะแข็งค่าแต่ก็ยังถูกกดเอาไว้ด้วยสกุลเงินเยน สวิตฟรังก์และยูโร
หากจะให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วที่สุด พวกเขาจะต้องได้รับข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งมากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ตัวเลขยอดขายที่อยู่อาศัยใหม่ ดัชนี PMI คอมโพสิตและบริการของ Markit ลดลงอย่างคาดไม่ถึง ในแถลงการณ์ต่อสภาคองเกรสที่ผ่านมา เจอโรม พาวเวลล์ก็พูดชัดเจนแล้วว่า
“เฟดจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงเพราะความรู้สึกกังวลที่มีต่อเงินเฟ้อ แต่จะปรับขึ้นต่อเมื่อมีหลักฐานชัดเจนว่ามีเงินเฟ้อจริงหรือมีความไม่สมดุลเกิดขึ้น”
สิ่งที่นักลงทุนต้องจับตากันต่อในวันนี้คือรายงานตัวเลขยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน ตัวเลข GDP ในไตรมาสที่ หนึ่งโดยละเอียด จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก และดุลบัญชีการค้าของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันนี้
สกุลเงินปอนด์ยังแข็งค่าได้เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าตัวเลขดัชนี PMI เมื่อวานนี้จะหดตัว ถึงแม้ว่าธนาคารกลางแห่งอังกฤษ (BoE) จะถูกคาดการณ์ให้เป็นหนึ่งในธนาคารกลางแห่งแรกๆ ที่อาจจะกล้าลดวงเงินเพื่อเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล แต่ด้วยข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงหลังที่เริ่มออกมาไม่สอดคล้องกัน และการต้องเลื่อนเปิดประเทศออกไปอาจทำให้ BoE ต้องชะลอแผนออกไปก่อน ดัชนี PMI ภาคการผลิตลดลงจาก 65.6 จุดเป็น 64.2 จุด ในขณะที่ดัชนีภาคบริการก็หดตัวจาก 62.9 จุดเป็น 61.7 จุด
อย่างไรก็ดี BoE ยังไม่ได้ถอดใจในการดูดสภาพคล่องออกจากตลาด หากยังมีข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ทำให้ BoE เชื่อได้ว่าเศรษฐกิจยังสามารถเติบโตต่อไปได้ แม้จะต้องเผชิญกับโควิดสายพันธุ์เดลตา BoE อาจตัดสินใจลดวงเงินฯ อีกครั้งภายในช่วงฤดูร้อนหรือฤดูหนาวปีนี้ และการตัดสินใจนั้นจะทำให้สกุลเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น แต่ถ้า BoE เลือกที่จะทำตามธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการเตะถ่วงเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ดัชนีราคาผู้บริโภคยังคงเติบโตขึ้น สกุลเงินปอนด์จะอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว