หากจะเรียกปีนี้ว่าเป็นปีทองสำหรับตลาดก๊าซธรรมชาติก็คงจะไม่ผิดนัก ขาขึ้นของก๊าซธรรมขาติในปีนี้ค่อนข้างทำให้สื่อหลายสำนักต้องหน้าแตกไปตามๆ กัน ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์หลายคนได้ออกมาเตือนว่าให้ระวังการสวิงของราคาก๊าซธรรมชาติ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือก๊าซธรรมชาติทำเป็นเพียงสร้างแต่ขาขึ้น จนพาตัวเองขึ้นยืนเหนือ $3 ต่อล้านบีทียู (MMBtu) อากาศในสหรัฐอเมริกาที่เริ่มเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนเป็นปัจจัยที่ช่วยพาราคาก๊าซธรรมชาติเข้าใกล้กับจุดสูงสุดตลอดกาล
จุดสูงสุดตลอดกาลของราคาก๊าซธรรมชาติ
เว็บไซต์ naturalgasintel.com ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพอากาศว่า
“อุณหภูมิในภาพรวมยังคงร้อนมากกว่าที่จะเย็น แม้จะมีอากาศที่เย็นกว่าปกติอยู่ในแทบมิดเวสต์และภาคตะวันออก แต่เมื่อความร้อนจากภาคตะวันตกมาเจอกับอากาศร้อนในเท็กซัส ก็สามารถทำให้ความเย็นลดลงได้ สหรัฐอเมริกาในตอนนี้กำลังเข้าใกล้กับคำว่า “ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์”หากนับเฉพาะเดือนมิถุนายน และคาดว่าความร้อนนี้จะลากยาวไปจนถึงเดือนกรกฎาคมด้วย”
ที่มา: Gelber & Associates
ราคาซื้อขายก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าที่จะส่งมอบในเดือนกรกฎาคมบนตลาด NYMEX’s Henry Hub มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $3.25 ต่อ MMBtu ปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุดในรอบ 7 เดือนที่ $3.37 แต่ถึงกระนั้นราคาก๊าซธรรมชาติก็ยังสามารถยืนเหนือระดับราคา $3 ได้ การย่อตัวลงมานี้เกิดก่อนที่จะมีการรายงานข้อมูลตัวเลขก๊าซธรรมชาติคงคลังจากสำนักงานบริหารสารสนเทศพลังงานของสหรัฐอเมริกา (EIA) ที่เวลา 10:30 AM ET (14:30 GMT) ของวันนี้
นักวิเคราะห์ของ Investing.com คาดการณ์ว่าปริมาณก๊าซธรรมชาติที่จะถูกเพิ่มเข้าไปในคลังของสัปดาห์ที่วัดมาจนถึงวันที่ 11 มิถุนายนจะมีปริมาณอยู่ที่ 72 พันล้านลูกบาศก์ฟุต ลดลงจาก 86 พันล้านลูกบาศก์ฟุตของสัปดาห์เดียวกันในปีที่แล้ว และยังถือว่าน้อยกว่า 87 พันล้านลูกบาศก์ฟุตซึ่งเป็นตัวเลขค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปี (2016-2020)
นักวิเคราะห์ของ Gelber & Associates เขียนลงในโน๊ตของเขาถึงลูกค้าเมื่อวานนี้ว่า
“การผลิตก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น การส่งออกลดลง และราคาที่แพงขึ้นจะมีผลต่อการดันปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังให้ปรับตัวสูงขึ้น”
หากนักวิเคราะห์ประเมินปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังของสัปดาห์ที่นับจนถึงวันที่ 11 มิถุนายนได้ถูกต้อง ปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังจะมีตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็น 1.483 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบห้าปี 2.7% และเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังในวันที่ 11 มิถุนายนของปี 2020 ที่ 13.8%
Refinitiv รายงานข้อมูลตัวเลขอุณหภูมิของสัปดาห์ที่แล้วว่ามีระดับอยู่ที่ 77 CDD หรือการวัดค่าความเย็นหรือความร้อนต่อช่วงระยะเวลาหนึ่ง เทียบกับค่าเฉลี่ย CDD ในรอบ 30 ปีซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ 57 CDD ข้อมูลจาก naturalgasintel.com ที่กล่าวถึงไปก่อนหน้านี้ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงภาพรวมของสภาพอากาศอีกว่า
“จากการสังเกตระดับอุณภูมิแบบวันต่อวันที่วัดมาจนถึงเมื่อวานนี้พบว่าอุณหภูมิความร้อนจะยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ผู้คนต้องการก๊าซธรรมชาติเพื่อเป็นกำลังหลักให้กับใช้เครื่องปรับอากาศมากขึ้น”
ความเสี่ยงจากพายุเฮอริเคน
ในช่วงสองสัปดาห์นี้ถือว่าเป็นช่วงที่มีพายุเฮอริเคนเกิดขึ้นเป็นประจำ ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติ (NHC) ของสหรัฐอเมริกาได้ออกมาเตือนเมื่อวานนี้ว่ามีโอกาส 70% ที่จะเกิดพายุใกล้กับทางตอนใต้ของประเทศเม็กซิโกก่อนที่จะพัฒนากลายเป็นพายุหมุนเขตร้อน และมีโอกาส 90% ที่พายุดังกล่าวจะกลายเป็นพายุความเร็วลมต่ำในเขตร้อน NHC กล่าวว่าพายุดังกล่าวที่อาจจะได้ชื่อว่า “Claudette” อาจจะมุ่งหน้าขึ้นเหนือ ก่อให้เกิดพายุฝนทางตอนเหนือของอ่าว Gulf Coast ในวันพรุ่งนี้
บางส่วนของรัฐลุยเซียนา มิสซิสซิปปี้ และอัลลาบามาอาจมีฝนตกในช่วงปลายสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามสำนักข่าว Bespoke เชื่อว่าพายุนี้จะไม่ทำให้การผลิตก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งของสหรัฐฯ ต้องหยุดชะงัก เพราะระบบจะสามารถนำลมเย็นไปลดคลื่นความร้อนที่เกิดขึ้นจากการผลิตได้
ตลอดทั้งเดือนมิถุนายน อีกหนึ่งตลาดที่ถือเป็นผลิตภัณฑ์จากก๊าซธรรมชาติที่มีความสำคัญไม่แพ้กันอย่าง ‘ก๊าซธรรมชาติเหลว’ (LNG) มีความผันผวนอยู่ตลอด เนื่องจากการปิดปรับปรุงโรงงานผลิต LNG อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก naturalgasintel.com ประเมินว่าการส่งออก LNG จะกลับขึ้นมายืนเหนือ 11 bcf ต่อวันได้อีกครั้งเพราะความต้องการ LNG ในยุโรปและเอเชีย
ความเสี่ยงจากพายุและอุณหภูมิร้อนที่กำลังจะเกิดขึ้นในรัฐเท็กซัส ทำให้สภาความน่าเชื่อถือทางไฟฟ้าแห่งเท็กซัส (ERCOT) ต้องออกมาขอความร่วมมือจากประชาชนภายในรัฐให้ประหยัดการใช้พลังงานลงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จนกระทั่งถึงวันพรุ่งนี้ ERCOT ให้เหตุผลว่าความร้อนที่เพิ่มขึ้นกว่าปกติอาจทำให้โรงผลิตไฟฟ้าทำงานสูงกว่าปกติจนอาจจะนำไปสู่เหตุการณ์ไฟดับได้