ตลาดก๊าซธรรมชาติแม้จะสามารถปรับตัวขึ้นยืนเหนือ $3 แต่ก็ยังมีปัจจัยที่อาจจะก่อให้เกิดความผันผวนไม่ว่าจะเป็นช่วงฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึงหรือการปิดซ่อมบำรุงสถานที่กักเก็บก๊าซธรรมชาติเหลวหรือ ที่เรานิยมเรียกย่อกันว่า ‘LNG’
ในช่วงแปดจากเก้าสัปดาห์ล่าสุด ราคาก๊าซธรรมชาติได้ปรับตัวสูงขึ้นเป็นอย่างมาก สิ่งนี้ถือเป็นปรากฎการณ์สำหรับนักลงทุนตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เพราะโดยปกติแล้วตลาดสินค้าโภคภัณฑ์มักจะรักษาขาขึ้นได้ไม่นานเกินสามสัปดาห์ สาเหตุที่ทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวขึ้นเกิดจากกำลังการผลิตในสหรัฐอเมริกาในช่วงไม่กี่เดือนก่อนเพิ่มขึ้นจนทำให้ระดับปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ถูกส่งเข้าไปเก็บเอาไว้ในคลังของเดือนพฤษภาคมมีมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์
โดยปกติแล้วหากปริมาณของน้ำมันดิบหรือก๊าซธรรมชาติคงคลังมีสูงเกินไป ราคาของสินทรัพย์มักจะปรับลดลง แต่ครั้งนี้ที่ปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังเพิ่มขึ้่น แต่กลับกลายเป็นข่าวดีเพราะจำนวนการใช้งานของผู้คนในปีนี้สูงกว่าปีที่แล้วที่มีการระบาดอย่างมีนัยสำคัญ และจากการพยากรณ์อากาศยังระบุว่าประเทศทางตอนเหนือแม้จะเข้าสู่หน้าร้อนแล้ว แต่ถ้าพูดถึงความหนาวก็ยังมีโอกาสที่จะหนาวได้กว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา ปัจจัยนี้ยิ่งเป็นตัวเร่งให้ผู้คนมีความต้องการก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น ถึงกระนั้นตัวเลขที่ก๊าซธรรมชาติที่ถูกเพิ่มเข้ามาในคลังปีนี้ยังคงมีตัวเลขน้อยกว่าปีที่แล้ว สำหรับปีนี้คลังเก็บก๊าซธรรมชาติสามารถทำตัวเลขได้ 180 พันลูกบาศก์ฟุต (bcf) ในขณะที่ปีที่แล้วสามารถทำได้ 200 bcf
การที่ปริมาณก๊าซธรรมชาติลดลงส่งผลต่อระดับซัพพลายและความต้องการก๊าซธรรมชาติและ LNG และการที่สหรัฐฯ ไม่สามารถกลับไปขุดหินน้ำมันหรือหาแหล่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มด้วยการทำร้ายธรรมชาตินั้นเป็นสิ่งที่ขัดต่อนโยบายของโจ ไบเดน จึงทำให้นักวิเคราะห์บางคนมองว่าขาขึ้นครั้งนี้ของก๊าซธรรมชาติอาจอยู่ได้ไม่นาน นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ วิเคราะห์สถานการณ์ของก๊าซธรรมชาติทางเทคนิคว่า
“สำหรับพวกเราแล้วราคาก๊าซธรรมชาติในตอนนี้ยังไม่ใช่จุดสูงสุด แต่จากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานดูแล้ว ไม่มีเหตุผลที่ควรถือคำสั่งซื้อเอาไว้อีกต่อไป ตลาดก๊าซธรรมชาติกำลังจะเผชิญกับความเสี่ยงในแง่ของระดับอุปสงค์และอุปทาน นโยบายพลังงานสะอาดส่งผลให้การขุดเจาะเพื่อหาแหล่งพลังงานธรรมชาติลดลง ในขณะที่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ช่วงที่จำเป็นต้องใช้ก๊าซธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อนนี้หรือฤดูหนาวถัดจากนั้น นี่ยังไม่นับการปิดปรับปรุงโรงงาน LNG ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกเป็นอย่างมาก”
เมื่อวานนี้ราคาซื้อขายก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าที่จะส่งมอบในเดือนกรกฎาคมในตลาด New York Mercantile Exchange’s Henry Hub มีราคาทรงตัวอยู่ที่ $3.129 ต่อหนึ่งล้านบีทียู (MMBtu) ซึ่งราคาก๊าซธรรมชาติที่ท่าเรือเฮนรี่ประเมินเอาไว้ในเดือนมีนาคมปีหน้าจะมีราคายืนอยู่เหนือ $3
สำหรับปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังในสัปดาห์ที่นับถึงวันที่ 4 มิถุนายน Investing.com ประเมินเอาไว้ว่าจะมีการเก็บก๊าซธรรมชาติเข้าคลังเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 98 bcf เทียบกับตัวเลขของสัปดาห์นี้ในปีที่แล้ว 95 bcf และในช่วงระยะเวลา 5 ปีล่าสุด (2016-2020) 92 bcf หากว่าเราประเมินถูก ตัวเลข 98 bcf ที่เพิ่มเข้าไปจะช่วยให้ปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังรวมแล้วมีตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็น 2.411 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต (tcf) แต่ก็ยังมีตัวเลขต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบห้าปี 2.4% และต่ำกว่าตัวเลขในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 13.7%
สภาพอากาศที่ส่งผลต่อตลาดก๊าซธรรมชาติ
Refinitiv รายงานข้อมูลตัวเลขอุณหภูมิของสัปดาห์ที่แล้วว่ามีระดับอยู่ที่ 60 TDD หรือการวัดค่าความเย็นหรือความร้อนต่อช่วงระยะเวลาหนึ่ง เทียบกับค่าเฉลี่ย TDD ในรอบ 30 ปีซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ 65 TDD ข้อมูลจาก NatGasWeather ยังระบุด้วยว่าคลื่นความร้อนที่รัฐเท็กซัสกับอ่าวเม็กซิโกในตอนนี้คือสาเหตุหลักที่ทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากนี้ NatGasWeather ยังระบุด้วยว่ายูโรเปี้ยนเซนเตอร์ (EC) และระบบแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่ใช้สำหรับการทำนายทางอุตุนิยมวิทยาของอเมริกา (GFS) ระบุตัวเลขที่เป็นการบ่งบอกว่าในช่วงกลางคืนจะมีอุณหภูมิร้อนขึ้น สำหรับการใช้งาน LNG นั้น NatGasWeather รายงานว่ายังขึ้นไม่ถึงจุดสูงสุดที่ 8.8 bcf และในตอนนี้ก็มีตัวเลขวิ่งอยู่ที่ 7.0 bcf ต่อวันเนื่องจากต้องส่งออก LNG บางส่วนไปยังประเทศเม็กซิโก
สุดท้าย NatGasWeather ปิดท้ายว่าอากาศในช่วงสัปดาห์นี้ไปจนถึงวันที่ 27 มิถุนายนจะร้อนขึ้นและจะเริ่มเย็นลงหลังจากนั้นเพราะไอความร้อนนี้จะอยู่เพียงชั่วคราวก่อนที่จะเคลื่อนตัวไปยังทางภาคตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ส่วนทางภาคตะวันออกจะมีอากาศที่สบายกว่าและอาจจะมีฝนตกด้วย และเพราะสภาพอากาศที่กำลังจะเย็นมากกว่าปกติในทางภาคตะวันออกของประเทศ (ตั้งแต่วันที่ 8-21 มิถุนายน) จะเป็นปัจจัยกดดันไม่ทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวขึ้นต่อ