นักวิเคราะห์ทั่วโลกต่างมีความเห็นตรงกันว่าขาขึ้นครั้งใหญ่สำหรับตลาดแร่โลหะกำลังจะมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดทองแดง ไม่ว่าจะในระยะสั้น กลาง ยาว พวกเขาต่างก็เห็นตรงกันว่าตลาดของแร่โลหะสีแดงกำลังจะเข้าสู่ภาวะตลาดกระทิง
ถึงแม้ว่าแร่โลหะทองแดงพึ่งจะสร้างจุดสูงสุดตลาดกาลใหม่ไปหมาดๆ แต่นักวิเคราะห์ก็ยังเชื่อว่านี่พึ่งจะเป็นเพียงการเริ่มต้น ในตอนนี้โลกของเรากำลังจะหลุดออกจากสภาวะการเปิดๆ ปิดๆ ล็อกดาวน์และกำลังจะเข้าสู่ช่วงปรับสมดุลก่อนจะก้าวต่อไปในอนาคต นักวิเคราะห์มองว่าจังหวะนี้เองที่จะเป็นช่วงได้เห็นการสร้างพื้นที่ให้ราคาทองแดงสามารถปรับตัวขึ้นต่อไปได้เพราะปัจจัยสำคัญที่นักวิเคราะห์มองว่าจะเป็นตัวผลักดันราคาทองแดงในโลกหลังยุคโควิดคือพลังงานสะอาด
ไม่ว่าจะตั้งแต่วงสนทนาเล็กๆ ในโลกโซเชียลไล่ไปจนถึงการถกเถียงระดับประเทศหลังจากยุคโควิดจะเต็มไปด้วยคำถามที่ว่า “สิ่งที่คุณทำหรือกำลังจะทำจะสอดคล้องกับการรักษ์โลกอย่างไร?” ทุกคนดูตื่นเต้นและพยายามจะรับผิดชอบต่อการสร้างภาวะเรือนกระจกและการทำร้ายชั้นบรรยากาศของโลกมาอย่างยาวนาน ซึ่งหากทุกฝ่ายต้องการที่จะรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง นั่นหมายความว่าพวกเขาจะต้องรื้อโครงสร้างของบริษัทหรือองค์กรครั้งใหญ่ และถ้าหากคิดจะพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก จะมีแร่ตัวไหนที่เป็นสื่อนำไฟฟ้าได้ดีไปกว่าทองแดง
ในความเห็นของเรา เราเชื่อว่าการรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้การเร่งและหดตัวของภาวะเงินเฟ้อที่จะเกิดขึ้นในช่วงค่ำของวันนี้จะมีส่วนอย่างมากกับพฤติกรรมการวิ่งของราคาทองแดง และจากการฟอร์มตัวของราคาในปัจจุบันนั้นมีโอกาสที่ราคาทองแดงจะปรับตัวขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้
จากรูปจะเห็นว่ากราฟราคาทองแดงกำลังปรับตัวอยู่ในกรอบสามเหลี่ยมรูปลิ่มลู่ลง (Falling Wedge) หรือรูปแบบทรงสามเหลี่ยมที่เส้นเทรนด์ไลน์หันหัวไปในทิศทางเดียวกัน ตามทฤษฎีแล้วพฤติกรรมกราฟหลังจากฟอร์มตัวในรูปแบบประเภทลิ่มมักจะมีลักษณะของการอัดแรงซื้อขายก่อนที่จะระเบิดออกมาในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับรูปลิ่ม ซึ่งหมายความว่าตอนนี้มีโอกาสที่ทองแดงจะหลุดกรอบลิ่มนี้ไปในทิศทางขาขึ้น
คำอธิบายพฤติกรรมทางจิตวิทยาของรูปแบบนี้ระบุว่านักลงทุนฝั่งที่ต้องการจะให้ราคาปรับตัวลดลงหมดความอดทนก่อน ในขณะที่นักลงทุนฝั่งขาขึ้นมีความอดทนสูงกว่าและได้ทยอยเข้ามาซื้อสะสมเอาไว้เป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว เมื่อขาลงไม่สามารถดันราคาให้ลงมาแตะเส้นเทรนด์ไลน์ด้านล่างได้อีก นั่นคือสัญญาณที่นักลงทุนฝั่งขาขึ้นใช้เพื่อเปลี่ยนทิศทางให้กราฟเข้าสู่ภาวะกระทิงตามที่ฝั่งตัวเองต้องการ
บางทฤษฎีอธิบายปรากฎการณ์นี้ว่าเกิดขึ้นเพราะมีนักลงทุนฝั่งขายบางคนเห็นแล้วว่ากราฟมีโอกาสปรับตัวขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงกลัวว่าจะเสียกำไรจากขาลงที่กำลังถืออยู่ พวกเขาจึงรีบปิดคำสั่งขายเพื่อทำกำไรก่อน เมื่อมีคนคิดเช่นนี้มากเข้า แรงสนับสนุนที่ฝั่งขาลงเคยมีก็ลดลง และแรงส่งก็เปลี่ยนข้างมาอยู่กับฝั่งขาขึ้นแทน ดันราคาให้ทะยานขึ้นจนหลุดกรอบสามเหลี่ยมขึ้นไปได้ในที่สุด
กราฟราคาทองแดงที่เราเห็นอยู่ในตอนนี้เดิมทีก็เป็นแนวโน้มขาขึ้นมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เส้นค่าเฉลี่ยทั้งสามเส้น 50, 100 และ 200 วันวิ่งล้อขึ้นมากับเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้นอย่างสวยงามมายาวนาน เส้นค่าเฉลี่ย 100 วันเปลี่ยนมาเป็นแนวโน้มขาขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2020 ในขณะที่เส้นค่าเฉลี่ย 200 วันกลายเป็นแนวรับมาตั้งแต่จุดต่ำสุดในเดือนมีนาคมปี 2020
ทางฝั่งของอินดิเคเตอร์ไม่ว่าจะเป็น RSI หรือ ROC ก็อยู่ในจุดที่พร้อมจะพลิกกลับขึ้นมาเป็นแนวโน้มขาขึ้นแล้ว RSI วิ่งอยู่บนเส้นเทรนด์ไลน์ที่เป็นแนวรับ ในขณะที่ ROC วิ่งอยู่ในโซน oversold รอเพียงการตัดขึ้นของเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นกับเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวในอินดิเคเตอร์ MACD เท่านั้น
กลยุทธ์การเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอจนกว่าการฟอร์มตัวในรูปแบบลิ่มสมบูรณ์ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะรอให้กราฟทะลุกรอบสามเหลี่ยมออกมาในฝั่งขาขึ้นด้วย จากนั้นรอให้กราฟย่อตัวกลับลงมารับ ก่อนที่จะวางคำสั่งซื้อ กินกำไรจากฝั่งขาขึ้น
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง คิดและกระทำเช่นเดียวกับนักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยง แต่ในจังหวะที่กราฟย่อลงมา พวกเขาจะวางคำสั่งซื้อเลยโดยไม่รอแท่งเทียนยืนยันขาขึ้นเพื่อให้ได้จุดเข้าที่สวยกว่า
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง จะรอให้กราฟสามรูปแบบลิ่มให้เสร็จก่อนก็ได้หรือจะวางคำซื้อตอนนี้เลยก็ไม่ผิด ตราบใดที่การเทรดของนักลงทุนกลุ่มนี้ยังเป็นไปตามกลยุทธ์ที่คิดมาแล้วอย่างรอบคอบ
ตัวอย่างการเทรด
- จุดเข้า: 4.5000
- Stop-Loss: 4.4000
- ความเสี่ยง: 0.1000
- เป้าหมายในการทำกำไร:4.8000
- ผลตอบแทน: 0.3000
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:3