กราฟ EUR/USD สามารถขึ้นไปยังจุดสูงสุดในรอบเจ็ดสัปดาห์ได้เพราะเหตุผลดังต่อไปนี้
1. ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ สร้างความผิดหวังให้กับตลาดลงทุน พวกเขายังยืนยันว่ายังไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงการลด QE
2. กราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมันอายุ 10 ปีขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบสองเดือน
3. นักวิเคราะห์เชื่อว่าตัวเลขการว่างงานของเยอรมันที่จะประกาศในวันนี้จะลดลงในขณะที่ตัวเลขความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในยูโรโซนจะเพิ่มขึ้น
4. มาตรการคุมเข้มโควิดในยูโรโซนจะลดลงก่อนการประชุมเฟดอีกครั้งในเจ็ดสัปดาห์ข้างหน้า
5. กราฟ EUR/USD ปรับตัวสูงขึ้นตามการวิ่งทางเทคนิค
มาเริ่มที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในตลาดลงทุนเมื่อคืนนี้ ถึงหลายฝ่ายจะคาดการณ์กันเอาไว้แล้วว่าเฟดน่าจะคงการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเอาไว้ดังเดิม แต่เมื่อเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง ก็ยังส่งผลกระทบต่อดอลลาร์สหรัฐ และเป็นเหตุผลให้เมื่อคืนนี้ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักทุกตัว และเป็นหนึ่งในสาเหตุของการขึ้นยืนเหนือ 1.21 ของ EUR/USD
แถลงการณ์ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของสหรัฐอเมริกาเมื่อคืนนี้ได้ข้อสรุปว่าการกระจายวัคซีนและการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงานภายในประเทศแข็งแกร่งขึ้น อย่างไรก็ตามประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ นายเจอโรม พาวเวลล์ยังคงมองว่าการฟื้นตลาดแรงงานเป็นเรื่องหลักและอัตราเงินเฟ้อที่เร่งขึ้นมานั่นเป็นเรื่องรองและเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น
“การที่อัตราเงินเฟ้อจะสามารถขึ้นยืนเหนือ 2% ได้บ้างเป็นครั้งคราวอันที่จริงก็ยังไม่ตรงตามความต้องการของเรา” - ประธานเฟดกล่าว
นอกจากนี้นายเจอโรม พาวเวลล์ยังออกมาดับความฝันนักลงทุนด้วยว่า “นี่ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดกันเรื่องการปรับลด QE” คำพูดดังกล่าวทำให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง และถ้าหากเฟดยังแสดงท่าทีเช่นนี้อีกในการประชุมครั้งหน้า ก็ไม่มีทางที่ดอลลาร์สหรัฐจะกลับมาแข็งค่าได้ในระยะสั้น
ผลการประชุมของ FOMC ไม่ใช่สาเหตุเดียวที่ส่งกราฟ EUR/USD ให้ปรับตัวสูงขึ้น เมื่อคืนนี้กราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมันอายุ 10 ปีสามารถขึ้นไปแตะสุดสูงสุดใหม่ในรอบสองเดือน และวันนี้นักลงทุนฝั่งยุโรปก็หวังว่าจะได้เห็นตัวเลขการว่างงานของเยอรมันลดลงในขณะที่ตัวเลขความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในยูโรโซนต้องสูงขึ้นเพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของยูโรเหนือดอลลาร์ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยุโรปก็จะมีการประกาศในวันนี้ด้วยเช่นกันและคาดการณ์กันว่าจะเพิ่มขึ้น
โมเมนตัมขาขึ้นเริ่มกลับมาอยู่ที่ฝั่งยูโรโซนอีกครั้ง ประเทศสมาชิกกำลังได้รับวัคซีนอยู่เรื่อยๆ ในทุกๆ วัน คาดการณ์กันว่าประเทศในยุโรปจะเริ่มผ่อนคลายนโยบายโควิดกันได้ภายในเดือนหน้า ด้วยสาเหตุนี้จึงมีความเป็นไปได้ที่เดือนหน้าอาจเป็นเดือนขาขึ้นสำหรับกราฟ EUR/USD และการขึ้นยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 20 และ 50 วันได้จะยิ่งเป็นการยืนยันถึงความแข็งแกร่งนั้น
ในแถลงการณ์การทำงานครบ 100 วันของประธานาธิบดีโจ ไบเดนเมื่อวานนี้ได้ข้อสรุปว่าเขาเตรียมยื่นข้อเสนอกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ ซึ่งมีมูลค่า $1.8 ล้านล้านดอลลาร์ต่อสภาคองเกรสในเร็วๆ นี้ โดยข้อเสนอดังกล่าวจะมุ่งเป้าช่วยเหลือครอบครัวที่มีเด็กในวัยเรียนเป็นหลัก แพ็คเกจนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ $4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ ไบเดนจะเพิ่มการเก็บภาษีเงินได้กับชาวอเมริกันที่ร่ำรวยและเก็บภาษีกำไรส่วนต่างจากการลงทุนสำหรับผู้ที่มีกำไรมากกว่า $1 ล้านเหรียญสหรัฐเป็น 43.4% จากเดิม 23.8% ความแน่วแน่ในความพยายามที่จะเก็บภาษีคนรวยเพิ่มขึ้นอาจกลายความกังวลหลักๆ ของตลาดลงทุนสหรัฐฯ ในอนาคต
ข่าวสำคัญของฝั่งสหรัฐอเมริกายังไม่จบ วันนี้นักลงทุนจะจับตากันต่อกับการรายงานตัวเลข GDP ในไตรมาสแรกของปี 2021 ในขณะที่นักวิเคราะห์เชื่อว่าตัวเลข GDP ในไตรมาสนี้จะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นักเศรษฐศาสตร์ก็ประเมินไว้ว่าจะได้เห็นตัวเลข GDP ที่ 6.1% ความหวังเดียวที่ดอลลาร์สหรัฐจะกลับมาได้คือตัวเลข GDP ที่ออกมาต้องสูงกว่าตัวเลขที่นักเศรษฐศาสตร์ประเมิน ถ้าไม่แล้วดอลลาร์จะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยนและจะถูกกดทับจากสกุลเงินอื่นด้วยเหตุผลในเรื่องการขึ้นภาษีของโจ ไบเดน