รายย่อยไทยกำลังต้องการ SuperRich ในวงการ Cryptocurrency ! เพราะทุกวันนี้ค่าเงินบาทในโลก Crypto ได้ดีดสูงไปกว่า 34 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐแล้ว ! ทำให้คนไทยที่ต้องการซื้อ Bitcoin ในประเทศต้องจ่ายเงินแพงกว่าตลาดโลกถึง +10% !
ต่อเนื่องจากบทความเมื่อวานนี้ "ความต้องการซื้อ Bitcoin ในประเทศไทยสูงมากจนทำให้ราคา Bitcoin ในไทยสูงกว่าตลาดโลกไปกว่า 10% แล้ว"
และยังมีหลายท่าน Inbox มาถามว่า ยังไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร วันนี้เราจะลองมาอธิบายในอีกมุมที่เข้าใจง่ายขึ้นกันครับ
--------------------------
ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในโลก Cryptocurrency ของไทยตอนนี้หลักๆคือเพราะ ค่าเงินบาทในโลก Crypto ได้ดีดสูงไป 34 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐแล้ว ในขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนจริงๆยังอยู่ที่ 31 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐเท่านั้น
ทำให้เมื่อเทียบราคาเหรียญ Crypto ในไทยกับต่างประเทศเป็นรูปเงินบาทแล้วจึงราคาแพงกว่าตลาดโลกอยู่ถึง +10%
1️. ค่าเงินบาทในโลก Crypto กับค่าเงินบาทจริงต่างกันยังไง ?
ในโลก Crypto จะมีเหรียญ USDT (Tether) ซึ่งเป็นเหรียญ Stablecoin หรือหมายความว่ามูลค่ามันจะไม่เปลี่ยนแปลงไป โดย 1 เหรียญ USDT นี้จะมีมูลค่าเทียบเท่ากับ 1 ดอลล่าร์สหรัฐอยู่เสมอ
ค่าเงินบาทในโลก Crypto คือหากเราเอาเหรียญ USDT 1 เหรียญ นี้มาแลกในกระดานเทรด Crypto ในไทย เราจะแลกกลับมาเป็นเงินได้ 34 บาท (เรียกว่า USDT/THB)
ในขณะที่ค่าเงินบาทในโลกแห่งความจริง คือหากเราเอาเหรียญดอลล่าร์สหรัฐจริงๆ 1 เหรียญ มาแลกกับธนาคารในไทย เราจะแลกกลับมาเป็นเงินได้เพียง 31 บาท (ตามอัตราแลกเปลี่ยน USD/THB ธรรมดา)
ทำให้เห็นได้เลยว่าค่าเงินบาทในสกุล Crypto นั้นอ่อนค่ากว่าค่าเงินบาทในโลกแห่งความจริงเสียอีก แปลว่าหากคนไทยอยากจะแลกเงินเข้าไปสู่โลก Crypto ในกระดานเทรดของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ Bitcoin หรือเหรียญ Crypto อื่นๆ คนไทยกำลังจะต้องจ่ายเงินสูงกว่าตลาดอยู่ +10%
2️. ทำไมค่าเงินบาทในโลก Crypto ถึงสูงหรืออ่อนค่ากว่าในโลกจริง?
ตามหลักเศรษฐศาสตร์ปกติเลยครับในค่าเงินปกติ หากประเทศไทยเป็นประเทศที่เกินดุลการค้าเยอะ มีเงินไหลเข้าประเทศเยอะ หรือมีความต้องการซื้อเงินบาทจากต่างชาติเยอะ ค่าเงินบาทก็จะแข็งค่าขึ้น (ทำให้นำเข้าสินค้ามาไทยได้ถูกลงขึ้น)
แต่หากประเทศไทยเป็นประเทศที่ขาดดุลการค้าเยอะ มีเงินไหลออกจากประเทศเยอะ ต่างชาติมีความต้องการขายเงินบาทเยอะ ค่าเงินบาทก็จะอ่อนค่าลง (ทำให้นำเข้าสินค้ามาไทยแพงขึ้น)
เมื่อความต้องการเหรียญ Crypto ในไทยสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ในตลาด Crypto ไทยมีสภาพเปรียบเสมือนว่าขาดดุลการค้า เพราะต้องนำเข้าเหรียญ Crypto มาจากต่างชาติเรื่อยๆ
เหตุการณ์นี้จึงทำให้ค่าเงินบาทในโลกของ Crypto จึงอ่อนค่าลงเรื่อยๆ และสุดท้ายทำให้ไทยต้องนำเข้าเหรียญ Crypto จากต่างชาติในราคาที่แพงขึ้น
3️. เหรียญ Crypto ต้องนำเข้าจากต่างชาติด้วยหรือ?
ใช่แล้วครับ ถึงแม้เราจะไม่ได้นำเข้าโดยการเอาเรือหรือเครื่องบินไปรับ แต่เหรียญที่อยู่ในกระดานเทรดต่างชาติ กับเหรียญที่อยู่ในกระดานเทรดไทยที่ซื้อขายเป็นเงินบาทนั้นคือเหรียญที่อยู่กันคนละตลาดอย่างสิ้นเชิง ไม่ได้วิ่งไปมาหากันได้เอง
การจะนำเข้าหรือส่งเหรียญออกเหรียญนั้นต้องมีการส่งผ่าน Digital Wallet กัน เพราะฉะนั้นเหรียญที่เราเห็นอยู่ในกระดานเทรดของไทย ก็คือเหรียญที่เราซื้อขายกันในประเทศนี้เท่านั้น
4️. วันนี้การนำเข้าเหรียญมาในตลาดไทยเริ่มขาดสภาพคล่องแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นเพราะความต้องการเหรียญในประเทศไทยจะสูงขึ้นมากเกินไปจริงๆ หรือผู้คนที่คอยเป็นคนนำเหรียญ Crypto เข้ามาในตลาดไทยจะเริ่มคิดราคาค่านำเข้าสูงขึ้นแล้ว วันนี้ราคาเหรียญ Crypto ในไทยกำลังสูงกว่าต่างชาติจริงๆ
เมื่อวานนี้ในช่วงที่ราคาเหรียญ Crypto ลงหนักๆเราได้เห็นว่า USDT ได้เทรดสูงขึ้นไปถึงกว่า 36.5 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ นั้นหมายความว่าในจังหวะนั้นใครก็ตามที่มีบัญชี Crypto ต่างประเทศสามารถซื้อเหรียญ USDT ได้ด้วยเงินต่างชาติเทียบเท่ากับราคา 31.2 บาท และสามารถนำเข้ามาขายในตลาดไทยได้สูงถึง 36.5 บาท
หรือสามารถทำกำไรจากการ Arbitrage (อาร์-บิ-ทราจ) ได้สูงถึงเกือบ +20% เลยทีเดียว !
5️. โดยปกติแล้วต้นทุนในการนำเหรียญ Crypto เข้ามาไทยควรจะสูงเพียงนี้เลยหรือ ?
โดยปกติราคาของสินค้าที่ต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศก็คือ [ราคาสินค้าในตลาดโลก + ค่าขนส่ง +กำไรของผู้นำเข้า = ราคาที่ขายในไทย]
แต่ในเมื่อค่าโอนขนส่ง Crypto ระหว่างประเทศนั้นก็ไม่ได้แพงอะไรมาก (ไม่ต้องใช้เรือ ไม่ต้องใช้น้ำมัน) ค่าใช้จ่ายมีเพียงแค่ค่าธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศและค่าธรรมเนียมในการซื้อขายเท่านั้น
ทำให้ส่วนที่กำลังโตขึ้นคือกำไรของผู้นำเข้านั้นเอง ที่กำลังสูงถึงระดับ +10% อยู่ในเวลานี้ และทางเดียวที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้คือ...
6️. ไทยกำลังต้องการ SuperRich ในวงการ Crypto
สมัยก่อนเวลาที่คุณจะเดินทางไปต่างประเทศ ใครเคยต้องแลกเงินกับธนาคารหรือเคาน์เตอร์ที่สนามบิน (ที่ไม่ใช่แผงแบบ SuperRich) บ้างไหมครับ ?
สถานการณ์ในโลก Crypto ตอนนี้นั้นไม่ต่างกับสมัยนั้นเลยคือ ถ้าเราจำเป็นไปต่างประเทศ จำเป็นต้องใช้เงินสกุลอื่น แต่เราไม่ได้มีเงินในสกุลนั้นจริงๆ เราก็ต้องยอมจ่ายเงินที่อัตราแลกเปลี่ยนที่เขาตั้งไว้ ในสมัยก่อนราคาก็จะยิ่งแพงกว่าราคาในตลาดโลกอีก
แต่ในเมื่อคุณไม่ได้มีเงินอยู่ที่ต่างประเทศ คุณก็ไม่มีทางเลือกและต้องยอมแรกไป
ในโลก Crypto วันนี้ก็คล้ายๆกัน ในเมื่อคุณอยากได้เหรียญจากตลาดไทย (ที่ซื้อขายเป็นบาท) คุณก็ไม่มีสิทธิเลือกที่จะซื้อตามที่ราคาแลกเปลี่ยนที่เขากำหนดให้มาไว้
แต่ถ้าคุณมีบัญชีต่างประเทศ คุณก็อาจจะมีทางเลือกที่จะออกไปซื้อเหรียญที่ต่างชาติเอง
และยิ่งถ้าคุณมีบัญชีเงินต่างประเทศที่คุณพร้อมจะโอนเงินกลับเข้าไทยอยู่แล้ว คุณก็สามารถซื้อเหรียญ USDT และโอนเข้ามาในตลาดไทยและนำมาขายในกระดานของไทยได้ที่ราคากำไร +10% ในเคสนี้คุณสามารถเป็น Arbitrager หรือเป็นคนทำอาร์บิทราจได้ทันที
7️. หากไทยเรามี Arbitrager มากขึ้นเราก็คงไม่ต้องซื้อเหรียญ Crypto ที่ราคาแพง
ทุกวันนี้เราคงมีผู้เล่นรายใหญ่ที่คอยทำ Arbitrage และนำเหรียญ Crypto เข้ามาในไทยอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการนำเข้ามายังไงก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการซื้อของคนไทย หรือเหล่าคนทำ Arbitrage กำลังคิดราคากำไรแพงขึ้นเอง ?
ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลใด ไทยเราจึงต้องการให้มีคนทำ Arbitrage มากกว่านี้
หากมีคนทำ Arbitrage มีการนำเหรียญ Crypto จากต่างประเทศโอนเข้ามาไทย และขายออกไปในตลาดไทยมากขึ้น จะเป็นการทำให้อุปสงค์และอุปทานของเหรียญในไทยสมดุลมากขึ้น (คนที่นำเหรียญเข้ามาขายจะเป็นแรงตรงข้ามกันกับคนไทยในประเทศที่กำลังรุมซื้อ)
Arbitrager จะเปรียบได้คล้ายๆกับสินค้าปกติในแง่ที่ เหมือนคนไทยที่ส่งของออกไปต่างชาติและต้องนำเงินเหรียญดอลล่าร์มาแลกกลับเป็นเงินไทยในประเทศ คนกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่ทำให้ไทยเกินดุลการค้ามากขึ้น (ในโลกแห่งความจริงและในโลก Crypto)
8️. หากเรามีใครที่สามารถทำเช่นนี้มากขึ้น (และยอมทำที่กำไรสูงไม่ถึง 10%) ราคาเหรียญ Crypto ในไทยและตลาดโลกก็จะไม่ห่างกันมากเท่านี้
- วันไหนที่ไทยมี SuperRich ในตลาด Crypto ที่มาช่วยรับแลกเหรียญตัดราคารายใหญ่
- วันไหนที่เหรียญ USDT/THB ไม่สูงไปกว่าค่าเงินบาทธรรมดาที่เราแลกกันอยู่ทุกวัน
เมื่อนั้นคนไทยก็ไม่จำเป็นต้องซื้อเหรียญ Crypto ในราคาที่สูงกว่าตลาดโลกอีกต่อไป
ติดตามข่าวสารการลงทุนที่น่าสนใจไปกับ Facebook fanpage ทันโลกกับTraderKP
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ Facebook fanpage ทันโลกกับTraderKP