แรงกดดันหลักของตลาดหุ้นยังมาจากสถานการณ์การระบาดของ Covid19 ที่จำนวนผู้ติดเชื้อยังทำ New High ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามหาก สถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้นใน 2 สัปดาห์ คาดผลกระทบต่อ GDP และ SET Indexจะจำกัด พอร์ตจำลองวันนี้ ให้ลดน้ำหนัก BBL ลง 5% เข้าซื้อ AS ส่วน Top Pickเลือก AS, INTUCH และ SPVI
หากสถานการณ์ดีขึ้นใน 2 สัปดาห์ SET Index 1520 น่าจะรับได้ สถานการณ์การระบาดของ Covid-19ในประเทศยังน่ากังวล โดยล่าสุดตัวเลขยังทำ New High ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามประเมินว่าหากควบคุมสถานการณ์ได้ หรือ เห็นสัญญาณการ ลดลงของจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า น่าจะส่งผลกระทบต่อ GDP Growth ปี 2564 ซึ่งฝ่ำยวิจัยประเมินไว้ที่ 2.6% จำกัด เนื่องจาก ตัวเลขประมาณการของ ฝ่ำยวิจัยอยู่ในกรอบที่ต ่าเมื่อเทียบกับมุมมองส่วนใหญ่ที่คาดการณ์ในช่วง 2.5- 3% ส่วน มาตรการที่รัฐออกาควบคุมการระบาดในรอบนี้ ต้องถือว่ามีผลกระทบต่อกิจกรรม เศรษฐกิจน้อยกว่าช่วง2Q63เนื่องจากไม่มีการทำLockdown และ เคอร์ฟิ ว นอกจากนี้ยัง น่าจะเห็นมาตรการที่รัฐบาลอัดฉีดเงินออกมาเยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อเนี่อง สำหรับ ทิศทางของ SET Index ภายใต้สมมุติฐานว่าสามารถควบคุมสถานการณ์Covid-19ได้ ดังกล่าวข้างต้น เชื่อว่าบริเวณ 1520 น่าจะรองรับได้ พอร์ตจำลองวันนี้ให้ลดน ้าหนักหุ้น BBL ลงจาก 15% เหลือ 10% โดยเม็ดเงิน 5% ให้เข้าซื้อ AS ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตของ กำไรชัดเจนในช่วงที่มีการทำ Work from Home อีกทั้งราคามีUpside เปิดกว้าง หุ้น Top Pick เลือก AS, INTUCH และ SPVI
รัฐบาลเข้มงวดเศรษฐกิจ 2Q64 กระทบต่อ GDP ปี 2564 แต่จำกัด.. ช่วงวันหยุดจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่ในไทยยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอยู่ โดยวานนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,767 ราย มาจากในประเทศ 1,477 ราย, ต่างประเทศ 2 ราย และ จากการคัดกรองเชิงรุก 288ราย (ดังรูป) ส่งผลให้ภาครัฐเริ่มดำเนินมาตรการควบคุมโรคอีกครั้ง โดยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ศบค. ชุดใหญ่มีมติ
1. แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 สี ได้แก่ สีแดง 18จังหวัด (สัดส่วน GDP ราว 70% ของ ประเทศ) และสีส้ม 59 จังหวัด (ดังรูป) โดยมาตรการในแต่ละพื้นที่ เช่น ร้านอาหารเปิดได้ถึง 21.00 ในพื้นที่สีแดง หรือ 23.00 ในพื้นที่สีส้ม,
2. ขอความร่วมมืองดออกนอกเคหสถานเวลา 23.00-04.00 ตั้งแต่วันที่ 18-30 เม.ย. 2564ในพื้นที่สีแดง (ยังไม่ได้ประกาศ Curfew)
3. ส่วนมาตรการที่ทุกพื้นที่ปฏิบัติเหมือนกัน คือ งดการเรียนการสอน, ปิดสถาน บันเทิง, ห้ามจำหน่ายสุราในร้านอาหาร, งดกิจกรรมที่มีการรวมตัวของคน มากกว่า 50 คน เป็นต้น
ASPS ประเมินผลกระทบต่อคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2564 คงมุมมองคือ กระทบแต่ จำกัด เนื่องจาก
มาตรการควบคุมการระบาด Covid-19 ที่รัฐประกาศรอบนี้(มีผลบังคับหลัง 18 เม.ย.-30 เม.ย.64) ดังรูป ถือว่ามีความเข้มงวดน้อยกว่าช่วง 2Q63 อย่างเห็นได้ ชัด (คือ จำกัดพื้นที่สีแดงเพียง 18 จังหวัด(สัดส่วนราว 70%ของ GDP) เทียบ กับ 2Q63 คือ เข้มงวดทั้งประเทศ แต่อาจจะมีผลต่อการจับจ่ายใช้สอย การ บริโภคครัวเรือน และการลงทุนจากต่างประเทศลดลง
รัฐไม่ได้ปิดกั้นการเคลื่อนย้ายคน, สิ่งของ และไม่ได้ปิดประเทศเข้มงวดเหมือน 2Q2563 โดยคงมุมมองการค้าระหว่างประเทศ(X&M) คาดว่าจะกระทบจำกัด มาก เนื่องจากสถานการณ์Covid-19 ต่างประเทศดีขึ้น แต่ละประเทศไม่มีการ ปิดกั้นการส่งออก นำเข้าสินค้าจากไทย
รัฐเตรียมออกมาตรการพยุงเศรษฐกิจตามเพิ่มเติม ล่าสุด ประชุม ครม .วัน อังคารนี้ 20 เม.ย. มาตรการที่มีการคาดการณ์จะมีความเป็นไปได้ คือ คนละ ครึ่งเฟส 3 โดยเฟส 1-2 ที่ผ่านมา และยังมีเม็ดเงินจากฝั่งของประชาชนเพิ่มขึ้น อีกด้วย โดยโครงการเฟส 1-2 มีเม็ดเงินสะพัดรวมกว่า 5.5 หมื่นล้านบาท และ มาตรการอื่นๆ หากมีออกมาน่าจะพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ชะลอได้อีกแรง
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ: โดยคาดการณ์ GDP Growth ปี 2564 ASPS ปัจจุบันคาด 2.6%yoy ภายใต้สมมติฐานการบริโภคครัวเรือน C ที่ 2% ลงทุนรัฐ 7% ลงทุนเอกชน 1.5% การใช้จ่ายรัฐ 3% ส่งออกและนำเข้า 3.5% และ 5% (ประมาณยังต ่ากว่า ธปท. ปี 2564 คาดที่ 3%) เบื้องต้นหากประเมิน Sensitivity ผลกระทบการเข้มงวดพื้นที่สีแดง เพียง 18 จังหวัด(สัดส่วนราว 70%ของ GDP) คือ สมมติฐาน C, I เอกชน I รัฐ, G ลดลงทุกๆ 0.25% แต่ยังคง การค้าระหว่างประเทศ(X&M) จะกระทบต่อ GDP ปี 2564 ลดลง จากคาดการณ์เดิมราว 0.14%
ผลกระทบต่อธุรกิจและหุ้นกลุ่มค้าปลีก เนื่องจากรัฐกำหนดให้ห้างสรรพสินค้า-ศูนย์การค้าปิดช่วง 21.00 น., ส่วนร้านสะดวกซื้อ ให้ปิดบริการเฉพาะช่วง 23.00-4.00 และดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร แต่ยังจำหน่ายได้ ASPS ประเมินเป็น Sentiment ลบต่อกลุ่ม โดยกรณีการควบคุม COVID-19 ประเมิน กระทบเล็กน้อยต่อทุกรายที่ต้องปิดสาขาเร็วขึ้นกว่าปกติราว 1 ชม. แต่จะกระทบกลุ่มร้าน สะดวกซื้อ CPALL มากสุด, รองมาเป็น BJC ในธุรกิจจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แอลกฮอล์ (6% ของยอดขาย) ประกอบกับมีร้านสะดวกซื้อ Mini Big C, ถัดมาคาดอยู่ในส่วนของ MAKRO ที่ขายส่งแอลกฮอล์ และ CRC ที่มีสาขาร้านสะดวกซื้อ Family Mart ที่มี 901 สาขา (ราว 8% ของยอดขาย) อย่างไรก็ตาม ประเมินผลกระทบจากทั้ง 3 มาตรการดังกล่าว ยังจำกัด สะท้อนจากช่วงเดือน เม.ย. 2563 ที่มีการ Lockdown เต็มรูปแบบมากกว่า ประกอบกับ มาตรการจำกัดเวลาส่วนใหญ่ยังอยู่ในช่วงที่มีฐานยอดขายไม่สูง ทั้งนี้ จากแนวโน้มผู้ป่วยที่ยังไม่ลดลง จึงยังต้องติดตามพัฒนาการของมาตรการควบคุม COVID ในประเทศ จึงยัง แนะนำเน้น Selective Buy หุ้นที่ปรับฐานจนมี Upside น่าลงทุน 1.) SPVI จากประโยชน์ Work + Learn from home และ 2.) หุ้นที่ยังมีพื้นฐานดี ซีพี ออลล์ จำกัด (BK:CPALL)L, สยามแม็คโคร จำกัด (BK:MAKRO) และ เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (BK:CRC)
หุ้นตัวใดที่คุณควรซื้อในการเทรดครั้งถัดไป?
ด้วยการประเมินมูลค่าหุ้นที่สูงริ่วในปี 2024 ดังนั้นนักลงทุนจำนวนมากจึงไม่สบายใจที่จะนำเงินมาลงในหุ้นเพิ่มขึ้น ไม่แน่ใจว่าจะลงทุนในหุ้นตัวใดต่อไปใช่ไหม? คุณสามารถเข้าถึงพอร์ตที่พิสูจน์แล้วของเราและค้นพบโอกาสการลงทุนที่มีศักยภาพสูง
เฉพาะในปี 2024 เพียงปีเดียว เทคโนโลยี AI ของ ProPicks AI ได้ระบุหุ้น 2 ตัวที่ราคาพุ่งขึ้นกว่า 150%, หุ้นเพิ่มเติมอีก 4 ตัวที่ดีดตัวขึ้นกว่า 30% และหุ้นอีก 3 ตัวที่ไต่ระดับขึ้นกว่า 25% เป็นสถิติที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง
ด้วยพอร์ตลงทุนที่ปรับให้เหมาะสำหรับหุ้นดาวน์โจนส์, หุ้น S&P, หุ้นเทคฯ และหุ้นขนาดกลาง (Mid Cap) ต่าง ๆ ดังนั้นคุณจึงสามารถสำรวจกลยุทธ์ที่สร้างความมั่งคั่งต่าง ๆ ได้