แม้สัปดาห์ที่แล้วจะมีเวลาให้ลงทุนเพียงแค่สี่วัน แต่ดัชนีสำคัญของสหรัฐฯ อย่างเอสแอนด์พี 500 และดาวโจนส์ก็ยังสามารถทะยานขึ้นสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ได้ ดัชนีดาวโจนส์สร้างจุดสูงสุดไปตั้งแต่วันจันทร์ในขณะที่เอสแอนด์พีสามารถขึ้นยืนเหนือ 4,000 จุดได้เป็นครั้งแรกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา การที่ดัชนีหลักทั้งหลายของสหรัฐฯ สามารถผลัดกันสร้างจุดสูงสุดใหม่อยู่เรื่อยๆ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่านักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดเชื่อในแนวโน้มขาขึ้น ในไตรมาสที่สองที่พึ่งจะมาถึง พวกเขาหวังให้ตลาดกระทิงนี้ยังสามารถสานต่อความสำเร็จของไตรมาสที่แล้วได้
ขาขึ้นของตลาดหลักหุ้นสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีแรงหนุนหลักๆ สองประการ หนึ่งคือแผนปรับโครงสร้างพื้นฐานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน มูลค่า $2,000,000 ล้านเหรียญสหรัฐไม่ว่าจะเป็นถนน สะพาน เส้นทางการคมนาคม และพลังงานสะอาด ที่สำคัญเขามีแผนที่จะปรับขึ้นภาษีบริษัทเอกชนเพื่อนำไปหนุนให้มีการจ้างงานจากชนชั้นล่าง-กลางมากขึ้น
นอกจากงบประมาณสำหรับยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศแล้ว ตลาดแรงงานของอเมริกาพึ่งได้รับข่าวดีไปจากการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่เติบโตขึ้นอยากก้าวกระโดด จากเดิมที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าตัวเลขที่ออกมาจะอยู่ที่ 647,000 ตำแหน่ง แต่ตัวเลขที่ออกมาพบว่ามีการจ้างงานในเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้นสูงถึง 916,000 ตำแหน่ง นี่คือสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของอเมริกาที่ชัดเจนที่สุดนับตั้งแต่โจ ไบเดนเข้ามาบริหารประเทศ
แผนปรับขึ้นภาษีของโจ ไบเดนเป็นการย้อนกลับแผนปรับโครงสร้างภาษีในยุคสมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในระยะยาวการขึ้นภาษีบริษัทเอกชนอาจทำให้ตลาดหุ้นชะลอตัวหากว่าแผนยกระดับโครงสร้างของโจ ไบเดนไม่สามารถเพิ่มศักยภาพของกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ตรงตามเป้า สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าแม้เดโมแครตจะเห็นด้วยกับการใช้เงินกระตุ้นอย่างมหาศาลของโจ ไบเดนแต่พรรครีพลับลิกันที่พึ่งจะกลายเป็นฝ่ายค้านกลับวิพากษ์วิจารณ์แผนดังกล่าวว่า “เพิ่มความสามารถให้กับการใช้เงินของทำเนียบขาวมากเกินไป”
นอกจากแผนยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน ยังมีข่าวว่า โจ ไบเดนยังมีแผนที่จะขึ้นภาษีบริษัทเอกชนที่สามารถทำกำไรได้สูงแบบรายบริษัท และเอาเงินดังกล่าวมาใช้จ่ายกับระบบประกันสุขภาพของประเทศ สำหรับรายละเอียดและความน่าเชื่อของข่าวนี้ยังไม่แน่นอนมากนัก ส่วนตัวแล้วเรามีความเห็นว่าขาขึ้นจากปัจจัยทั้งสองจะไม่ส่งผลเชิงบวกในระยะยาวเพราะกว่าโครงการดังกล่าวจะดำเนินการเสร็จก็ต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยแปดปี ไม่มีใครรู้ว่าตอนนั้นโจ ไบเดนจะยังเป็นผู้นำของประเทศได้อยู่หรือไม่
ความพยายามที่จะขึ้นภาษีของโจ ไบเดนครั้งนี้ทำให้นักเศรษฐศาสตร์แบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายสนับสนุนมองว่าการขึ้นภาษีบริษัทเอกชนเพื่อเอามาอุ้มคนชนชั้นล่าง-กลาง จะช่วยลดการผูกขาดทางการค้าของบริษัทใหญ่ๆ เพิ่มโอกาสทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการรายย่อย ฝั่งที่ค้านการขึ้นภาษีของโจ ไบเดนมองว่าการขึ้นภาษีอาจทำให้บริษัทต่างชาติเปลี่ยนใจย้ายฐานที่มั่นการผลิตออกไปยังพื้นที่ที่มีระดับภาษีต่ำหรือมีสวัสดิการที่เอื้อต่อการลงทุนมากกว่า
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางกลุ่มได้ยกหลักฐานที่อ้างอิงได้มายืนยันว่าบางครั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจก็สามารถทำได้แม้ว่าภาษีจะอยู่ในระดับสูง เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาเคยเติบโตเป็นอย่างมากในช่วงปี 1950 ซึ่งเป็นช่วงหลังยุคสงครามโลก แต่นักวิเคราะห์อีกฝ่ายก็แย้งว่าในตอนนี้สหรัฐอเมริกายังไม่มีคู่แข่งคนสำคัญอย่างประเทศจีนเกิดขึ้นอย่างเช่นทุกวันนี้
สรุปสถานการณ์ตอนนี้เราคิดว่าแผนยกโครงสร้างพื้นฐานและตัวเลขการจ้างงานในเดือนมีนาคมเป็นหลักฐานยืนยันการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของอเมริกาจริง แต่ยังไม่อาจรับประกันได้ว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า $2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐนี้จะสร้างประโยชน์ให้กับเศรษฐกิจได้จริงในอนาคตตามที่รัฐบาลของโจ ไบเดนคาดหวังเอาไว้ได้หรือไม่
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคในระยะสั้นถึงระยะกลางพบว่าพฤติกรรมราคายังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ดัชนีเอสแอนด์พี 500 จบการพักฐานในรูปแบบธงก่อนทะยานขึ้นสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 4,190 จุด
แต่การขึ้นชนแนวต้านของกราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีเมื่อวันอังคารที่แล้วทำให้เอสแอนด์พี 500 มีโอกาสย่อตัวลงได้ในสัปดาห์นี้
กราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีสร้างแท่งเทียนรูปแบบดาวตกที่บริเวณแนวต้าน 1.754% ถือเป็นการยืนยันการเป็นแนวต้านที่เชื่อถือได้ในขณะนี้ การปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 1.585% จะกลายเป็นการสร้างรูปแบบ double-top และอาจทำให้กราฟผลตอบแทนฯ ปรับตัววกกลับลงไป
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่ามาตลอดทั้งสัปดาห์ที่แล้วก่อนย่อตัวลงมาเนื่องจากนักลงทุนนำเงินออกไปใช้ในช่วงวันหยุดศุกร์ประเสริฐ
จากรูป การย่อตัวครั้งนี้อาจทำให้กราฟดัชนีดอลลาร์สหรัฐวิ่งลงไปแตะกรอบราคาขาขึ้นด้านล่าง การที่กรอบขาขึ้นมีลักษณ์ค่อนข้างชันและแคบหมายความว่าแนวโน้มขาขึ้นมีกำลังส่งขึ้นสูง เป็นไปได้ที่ดัชนีอาจหลุดกรอบนี้ลงมาพักฐานก่อนที่จะปรับตัวขึ้นต่อไป เรายังเชื่อว่าความเชื่อมั่นในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังมีสูง จึงไม่มีเหตุผลที่นักลงทุนจะทิ้งดอลลาร์ไปเลยในตอนนี้
ในขณะที่ดอลลาร์กำลังจะเข้าสู่ช่วงพักฐาน ทองคำกำลังจะสร้างรูปแบบ double-bottom เสร็จสิ้น
การสร้าง double-bottom จะถือว่าสมบูรณ์ต่อเมื่อราคาทองคำสามารถขึ้นยืนเหนือ $1,760
ราชาสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์สามารถปรับตัวขึ้นในวันศุกร์เนื่องจากทองคำปรับตัวลดลงก่อนที่จะย่อตัวลงมาในวันเสาร์
การเกิดรูปแบบดาวตก (Shooting Star) คือสัญญาณยืนยันแรงส่งของขาลง แต่เพราะปริมาณการซื้อขายในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์มีน้อย จึงทำให้ต้องรอดูว่าเมื่อตลาดเปิดให้มีการซื้อขายอีกครั้ง กราฟบิทคอยน์จะวิ่งไปในทิศทางใด ส่วนตัวแล้วบิทคอยน์อาจจะลงมาทดสอบกรอบเทรนด์ไลน์ขาขึ้นด้านล่าง หากเทรดไลน์เส้นนี้ไม่สามารถรั้งบิทคอยน์ได้ มีโอกาสที่บิทคอยน์จะปรับตัวลงไปทดสอบเส้นเทรนไลน์ขาขึ้นที่ลากมาตั้งแต่เดือนธันวาคม
ราคาน้ำมันดิบมีโอกาสปรับตัวลงแม้ว่าการกระจายวัคซีนและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของอเมริกาจะช่วยหนุนตลาดลงทุนเป็นอย่างมาก
กราฟทางเทคนิคของน้ำมันกำลังวิ่งอยู่ในกรอบราคารูปธง หลุดหลุดกรอบนี้ลงไปได้จะเป็นการยืนยันการเกิดของรูปแบบหัวไหล่ (Head & Shoulder)
ข่าวเศรษฐกิจสำคัญประจำสัปดาห์ (เวลาทั้งหมดคำนวณเป็น EDT)
วันจันทร์
10:00 (สหรัฐฯ) ดัชนี PMI ที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาคการผลิตโดย ISM: คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องจาก 55.3 เป็น 58.5
หมายเหตุ: ตลาดลงทุนในหลายประเทศอย่างเช่นสหราชอาณาจักร ยูโรโซน ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์จะยังปิดทำการเนื่องในวันหยุดอิสเตอร์ ส่วนฮ่องกงและจีนเป็นวันหยุดประจำชาติ
วันอังคาร
00:30 (ออสเตรเลีย) รายงานผลการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA): คาดว่าจะคงที่ 0.10%
08:00 (สหรัฐฯ) ภาพรวมตลาดพลังงานระยะสั้นจาก EIA
10:00 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JLOT: คาดว่าจะลดลงจาก 6.917M เป็น 6.835M
วันพุธ
00:30 (อินเดีย) รายงานผลการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอินเดีย: คาดว่าจะคงที่ 4.00%
04:30 (สหราชอาณาจักร) ดัชนี PMI คอมโพสิต: คาดว่าจะคงที่ 48.8
10:00 (แคนาดา) ดัชนี PMI จาก IVEY: ตัวเลขครั้งก่อนออกมาที่ 60.0
10:30 (สหรัฐฯ) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก -0.876M เป็น 0.107M
14:00 (สหรัฐฯ) รายงานการประชุมจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC)
วันพฤหัสบดี
04:30 (สหราชอาณาจักร) ดัชนี PMI ภาคการก่อสร้าง: คาดว่าจะหดตัวจาก 53.3 เป็น 51
07:30 (ยูโรโซน) การประกาศนโยบายการเงินจากธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรป (ECB)
08:30 (สหรัฐฯ) รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก: คาดว่าจะลดลงจาก 719K เป็น 650K
12:00 (สหรัฐฯ) ถ้อยแถลงจากประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ นายเจอโรม พาวเวลล์
วันศุกร์
08:30 (สหรัฐฯ) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) คาดว่าจะคงที่ 0.5%
08:30 (แคนาดา) รายงานตัวเลขอัตราการจ้างงาน: คาดว่าจะลดลงจาก 259.2K เป็น 90.0K