เป็นสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมีนาคมที่นักลงทุนยังไม่อาจละสายตาไปจากตลาดได้เนื่องจากจะมีความเคลื่อนไหวสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดลงทุน วันพรุ่งนี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะเตรียมผลักดันเงินกู้เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน $3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และในวันศุกร์นี้เราก็มีนัดกันอีกครั้งกับการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (NFP) ของเดือนมีนาคม การรายงานตัวเลข NFP ครั้งนี้เกิดขึ้นตรงกับวันหยุดศุกร์ประเสริฐ (Good Friday) พอดีซึ่งโดยปกติแล้วปริมาณการซื้อขายในตลาดจะลดลง แต่เพราะเป็นวันหยุดที่ตรงกับ NFP ดังนั้นนักลงทุนจะจับตามองว่า NFP รอบนี้จะขยายตัวขึ้นจากเดิมได้อีกครั้งหรือไม่
สำหรับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแล้วเดือนมีนาคมถือเป็นเดือนที่ดี ระบบการกระจายวัคซีนที่ทำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพทำให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจฟื้นตัวกลับคืนมาได้อย่างมีนัยสำคัญ คาดการณ์กันว่า 90% ของผู้ใหญ่วัยทำงานจะได้รับวัคซีนภายในสามสัปดาห์ การกระจายจุดฉีดวัคซีนออกไปอยู่ใกล้ที่อยู่อาศัยของประชาชนที่อยู่ห่างจากตัวไม่เกินห้าไมล์ทำให้การกระจายวัคซีนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะสถานการณ์ที่ดีขึ้นเช่นนี้ ตลาดลงทุนจึงคาดหวังที่จะได้เห็นตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์
ความเสี่ยงเดียว (และเป็นความเสี่ยงใหญ่) ที่มีในตอนนี้คือการประกาศแผนฟื้นฟูของโจ ไบเดนในวันพรุ่งนี้ว่าเขาจะพูดถึงนโยบายการปรับขึ้นภาษีด้วยหรือไม่ ยิ่งไบเดนมีความคิดที่จะปรับขึ้นภาษีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งกดดันภาพการเติบโตในตลาดหุ้นมากเท่านั้น นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราการเก็บภาษีจากบริษัทเอกชนที่ถูกปรับลดลงมาจาก 35% เป็น 21% ในปี 2017 จะถูกปรับเพิ่มก่อน แต่ที่น่ากังวลคือการขึ้นภาษีรายได้ส่วนบุคคลที่ยังไม่มีใครทราบว่าจะเพิ่มขึ้นมากน้อยเท่าไหร่ การที่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมาสูงเช่นนี้ก็เป็นเหตุผลเพียงพอให้ตัดใจเทขายได้ในกรณีที่จะปรับขึ้นภาษีจริงซึ่งจะส่งผลให้สกุลเงินอ่อนค่าลงมาด้วย แต่ถึงอย่างนั้นถ้าตลาดหุ้นพักฐานในขณะที่ตัวเลขการจ้างงานเพิ่มขึ้นก็จะกลายเป็นผลดีกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแทน สรุปก็คือการประกาศนโยบายของโจ ไบเดน การรายงานตัวเลขการจ้างงานฯ และวันหยุดศุกร์ประเสริฐคือปัจจัยที่จะทำให้ตลาดลงทุนผันผวนในสัปดาห์นี้
สกุลเงินยูโรยังคงเป็นสกุลเงินที่อ่อนค่ามากที่สุดด้วยเหตุผลเดิมคือการระบาดของโควิดระลอกใหม่และการกระจายวัคซีนอย่างล่าช้า รัฐบาลของเยอรมันและฝรั่งเศสกำลังพิจารณาเพิ่มมาตรการคุมเข้มทางสังคม กระทรวงสาธารณสุขของเยอรมันได้ออกมาเตือนประชาชนของตัวเองอย่างเป็นทางการแล้วว่าการระบาดในรอบที่สามอาจเป็นการระบาดโควิดที่รุนแรงมากที่สุดนับตั้งแต่ที่เยอรมันเคยเจอมา อย่างเลวร้ายที่สุดอาจมีการประกาศเคอร์ฟิว แม้ว่าหนึ่งยูโรโซนจะสามารถฟื้นตัวได้เหมือนกับสหรัฐอเมริกาหรือสหราชอาณาจักร แต่กว่าจะถึงตรงนั้นประชาชนในเขตยุโรปก็ต้องทนอยู่กับการระบาดและมาตรการล็อกดาวน์ที่ถือยืดระยะเวลาออกไป วันนี้ยูโรโซนจะมีการรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเยอรมัน ส่วนสกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐหลังจากที่รายงานจำนวนการอนุมัติสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของอังกฤษลดลง
สกุลเงินดอลลาร์แคนาดาและดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงเล็กน้อย ส่วนดอลลาร์นิวซีแลนด์ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก สำหรับ NZD และ AUD นั้นเหตุผลที่อ่อนค่าหลักๆ เป็นเพราะ USD แข็งค่า แต่สำหรับดอลลาร์แคนาดาแล้วการอ่อนค่าครั้งนี้เกิดมาจากข่าวที่แคนาดาประกาศระงับการฉีดวัคซีนจากแอสตราเซเนกาให้กับประชาชนที่มีอายุต่ำกว่า 55 ปี พรินซ์เอ็ดเวิร์ดไอแลนด์หยุดการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มคนอายุ 18-29 ปี เกิดข้อสงสัยขึ้นมากมายเกี่ยวกับวัคซีนจากแอสตราเซเนกา (NASDAQ:AZN)ซึ่งข่าวเช่นนี้จะยิ่งทำให้การฉีดวัคซีนล่าช้าออกไปอีก ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงแล้วหลังจากเรือขนสินค้าที่ขวางคลองสุเอซสามารถหลุดออกจากการขวางคลองได้